เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว มันมีชื่อว่า Bloom Energy
หลักการคือ ปล่อยแก็ส+อากาศ ผ่าน แผ่นเชื้อเพลิง แค่นี้ ก็เกิดเป็นไฟฟ้าแล้ว ไม่มีการเสียดสี มีความร้อนน้อยมาก ไม่มีมลภาวะออกมา ความลับอยู่ที่ เจ้า "แผ่นเชื้อเพลิงนี่แหละ" หรือที่เรียกกันว่า "Fuel Cell" คนที่คิดค้นได้ เป็นชาวอินเดีย เจ้าแผ่นบางๆ ที่ว่านี้ เค้าบอกว่ามันทำมาจากทราย ที่มีอยู่มหาศาลทั่วโลก เค้าบอกว่า ต่้อไปจะนำไปใช้กับรถยนต์ เพราะแค่ก้อนเท่ามือโอบ คงขับกันเป็นเดือน และจะพัฒนาให้มันใช้กับน้ำได้
ก๊าซ+อากาศ = ไฟฟ้า
ก๊าซก็คงเป็นก๊าซธรรมชาติ ซื่งเมืองไทย มีอยู่มากมาย และราคาถูก และเพื่อนบ้านอย่างพม่ามีอยู่มหาศาล แต่อเมริกา คงไม่บอกสูตรง่ายๆ หรอก ตอนนี้ บริษัทใหญ่ๆ ในอเมริกา หันมาใช้ตัวนี้กันแล้วทั้งนั้น ทั้ง Google, CocaCola, FedEx, Ebay
ค่ายไอที-หน่วยงานการทหาร-ทางการสหรัฐฯตื่นเต้นกันมากเนื่องจากเชื่อ ว่า นี่คือหนทางอนาคตที่จะสามารถแก้ปัญหาการสูญเงินมหาศาลไปกับค่าไฟเพื่อหล่อ เลี้ยงฟาร์มคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ขนาดยักษ์ และปัญหามลพิษที่จะมีผลกระทบต่อลูกหลานบนโลกใบนี้
ชื่อเต็มของบลูมบ็อกซ์คือ Bloom Energy Server ถูกเปิดตัวที่สำนักงานใหญ่อีเบย์ในแคลิฟอร์เนีย ท่ามกลางผู้ร่วมงานเปิดตัวที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย, โคลิน พาเวลล์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ, แลร์รี เพจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกูเกิล และจอห์น โดนาโฮ ซีอีโออีเบย์ ในฐานะลูกค้าอันดับต้นๆ ของบลูมบ็อกซ์
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียเชื่อว่า เทคโนโลยีในบลูมบ็อกซ์จะไม่ได้มีผลต่อแนวทางการบริโภคไฟฟ้าในแคลิฟอร์เนีย เท่านั้น แต่จะมีผลต่อทั้งโลก เนื่องจากเซลล์เชื้อเพลิงที่ทำจากซิลิกอน (สกัดได้จากทราย) จะใช้อากาศผสมกับเชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น ไฮโดรเจน มีเธน หรือก๊าซธรรมชาติ เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า ผลที่ได้จากบลูมบ็อกซ์คือผู้ใช้สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ตามที่มีอยู่ใน ท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้การใช้งานในพื้นที่ห่างไกลทั่วมุมโลกสามารถทำได้อย่างเสรีมาก ขึ้น
ตรงนี้บลูมเอ็นเนอร์จีระบุว่า ท้องถิ่นใดมี "ว็อดก้า" มาก ก็สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ แต่ยังไม่แนะนำว่าเป็นเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด
"บลูมเอ็นเนอร์จีมุ่งมั่นสร้างพลังงานสะอาดและเสถียร ที่ทุกคนทั่วโลกสามารถเอื้อมถึง เราเชื่อว่าเราจะปฏิวัติโลกพลังงาน ได้เหมือนที่โทรศัพท์มือถือสามารถปฏิวัติโลกการสื่อสาร" ดร.เค.อาร์. ศรีธาร์ (Dr. K.R. Sridhar) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบลูมเอ็นเนอร์จีกล่าว
ความสามารถสูงสุดของ Bloom Energy Server คือการสร้างกำลังไฟ 100 กิโลวัตต์ โดยผู้ใช้จะมีราคาต้นทุนค่าไฟเพียง 9 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เทียบกับต้นทุนปกติที่ชาวอเมริกันต้องจ่ายเงิน 14-15 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ สนนราคาเครื่องยังค่อนข้างสูงมากโดยอยู่ที่ 700,000-800,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าราคานี้จะลดลงอีกหากเปิดสายการผลิตมากขึ้นในอนาคต
รายงานระบุว่า บริษัทชั้นนำทั้งโคลา-โคล่า กูเกิล วอลมาร์ท สแทเปิลส์ และอีเบย์ต่างหาซื้อบลูมบ็อกซ์เวอร์ชันเอ็นเตอร์ไพรส์มาใช้งานแล้ว จุดนี้ บลูมเอ็นเนอร์จีระบุว่ามีแผนคลอดบลูมบ็อกซ์เวอร์ชันใช้งานในบ้านภายในปี 2020 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากเอกลักษณ์เรื่องการรองรับเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ซึ่งจะทำให้การใช้งานในท้องถิ่นห่างไกลทั่วมุมโลกสามารถทำได้ในต้นทุนที่ ยืดหยุ่น ขณะเดียวกันบลูมบ็อกซ์ยังเหนือกว่าเทคโนโลยีพลังงานสะอาดพื้นฐานอย่าง พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ซึ่งยังไม่มีการพัฒนาให้สามารถผลิตกำลังไฟได้เพียงพอและสม่ำเสมอเช่นที่ บลูมบ็อกซ์ทำได้ และมีการการันตีว่า บลูมบ็อกซ์สามารถให้กำลังไฟซึ่งมีมลพิษน้อยลงกว่าการสร้างกำลังไฟด้วยถ่าน หินแบบเดิมถึง 67%
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญของบลูมบ็อกซ์คืออุณหภูมิ เนื่องจากบลูมบ็อกซ์จะมีอุณหภูมิสูงมากขณะทำงาน
ล่าสุด บลูมเอ็นเนอร์จีได้รับหนุนจากนักลงทุนจนสามารถเพิ่มทุนแตะระดับ 400 ล้านเหรียญแล้ว ผลจากกระแสแรงตอบรับยอดเยี่ยมจากกลุ่มอุตสาหกรรมงานไอทีในซิลิกอนวัลเลย์ เช่น กูเกิล ซึ่งผู้บริหารอย่างแลร์รี่ เพจระบุว่ามีแผนจะทำให้ศูนย์กลางข้อมูลของกูเกิลทั้งหมดทำงานบนระบบของบ ลูมบ็อกซ์ในอนาคต
เช่นเดียวกัน อดีตรมต.โคลิน พาวเวลล์ก็เชื่อว่าบลูมบ็อกซ์จะสามารถเป็นแหล่งพลังงานยอดเยี่ยมด้านการทหาร ได้ ซึ่งถึงวันนั้นบลูมบ็อกซ์ก็จะมีโอกาสทวีอิทธิพลมากขึ้นในที่สุด
.
.
.
ที่มา :
http://www.enviclub.com/forum/index.php?PHPSESSID=39f88c6613aeaf4ff2757fc5f468760a&topic=65.0สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075