วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หุ่นยนต์ช่วยคนพิการราพูดา (RAPUDA)



ช่วยคนพิการ

ยุน วูคึน นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมชั้นสูง (AIST) ดื่มน้ำจากถ้วยที่หุ่นยนต์ช่วยคนพิการราพูดา (RAPUDA) ป้อนให้ถึงปาก ระหว่างการสาธิตการทำงานของแขนหุ่นยนต์ช่วยผู้พิการด้านแขนส่วนบน ในงานนิทรรศการโรโบ ซึ่งจัดแสดงหุ่นยนต์ด้านการบริการ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น.

.
.

ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 30 – 07 – 2553

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

‘ไทย’ อยู่อันดับ 48 จากผลสำรวจดัชนีนวัตกรรมโลก



ผลสำรวจดัชนีนวัตกรรมโลก ชี้ประเทศไทยติดอันดับที่ 48 จาก 125 ประเทศ ที่มีความสามารถในการพัฒนานัวตกรรม มีสวิสเซอร์แลนด์ สวีเดน สิงคโปร์ เป็นเจ้านวัตกรรม 3 อันดับแรก…



นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จากการสำรวจดัชนีนวัตกรรมโลก จัดทำโดย The Business School of the World เพื่อสำรวจและจัดลำดับความสามารถทางนวัตกรรมของประเทศต่างๆ กว่า 125 ประเทศทั่วโลก โดยวัดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการพัฒนานวัตกรรม เช่น สภาพแวดล้อมทางการเมือง กฎระเบียบของรัฐ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์และการวิจัย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลการส่งออก และประสิทธิภาพทางด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงจำนวนผู้ยื่นขอจดสิทธิบัตร ผู้ยื่นขอจดเครื่องหมายการค้า และจำนวนผู้ยื่นขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาผ่านระบบ PCT และ Madrid Protocol เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2554 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 48 โดยอันดับที่ 1 ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ อันดับที่ 2 สวีเดน อันดับที่ 3 สิงคโปร์ ขณะที่ สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 7 เกาหลีอันดับที่ 16 ญี่ปุ่นอันดับที่ 20 จีนอันดับที่ 29 มาเลเซียอันดับที่ 31 เวียดนามอันดับที่ 51 และอินเดียอันดับที่ 62

นางปัจฉิมา กล่าวอีกว่า จากรายงานดังกล่าว พบว่าประเทศเศรษฐกิจใหม่ เช่น จีน อินเดีย และเกาหลี ให้ความสำคัญในการเพิ่มการลงทุนด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นดีไซน์ซึ่งประเทศดังกล่าวเริ่มมีบทบาทในตลาดมากขึ้น จากเดิมที่มีแต่นักออกแบบจากประเทศแถบยุโรปเป็นผู้นำ ซึ่งนักออกแบบรุ่นใหม่ได้นำนวัตกรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาผสมผสานกับโลกยุคใหม่จนเกิดเป็นรูปแบบใหม่ ทั้งยังมีการนำนวัตกรรมมาผสมผสานกับการออกแบบ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เช่น การผลิตสิ่งทอ หรือ เครื่องนุ่งห่มอัจฉริยะ เช่น เนคไท หรือ เสื้อ ที่สามารถวัดการเต้นของหัวใจ และเป็นเครื่องมือรายงานสุขภาพของผู้ใส่ อีกด้วย

.
.

ที่มาของข่าว : : http://www.digitalthai.net/category/

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

นักวิชาการ จี้รัฐบาลใหม่ เร่งรักษาสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม



นักวิชาการสื่อสารและสารสนเทศไทย ห่วงสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม 120 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก เร่งรัฐบาลใหม่ดำเนินการ ชี้ กสท ไม่เหมาะทำ เพราะอาจโดนครหาผลประโยชน์ทับซ้อน…

นายอนุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารและสารสนเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ต้องการให้รัฐบาลใหม่ เข้ามาสร้างความชัดเจนในกรณีการรักษาสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม 120 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก ทั้งนี้ เนื่องจากถ้าประเทศไทยสูญเสียสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม จะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม และถ้าให้เปรียบเทียบภาพการเสียสิทธิ์วงโคจร ไม่แตกต่างกับการสูญเสียเขาพระวิหาร

นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารและสารสนเทศไทย กล่าวต่อว่า ความคิดห็นส่วนตัวหากเป็นแนวทางแก้ไขในระยะเวลาที่จำกัด รัฐจะต้องนำดาวเทียมของภาครัฐ เช่น หน่วยงานทหาร หรือหน่วยงานวิทยาศาสตร์ ยิงเข้าไปในวงโคจรดังกล่าว หรือถ้าหากไม่มีก็ควรเช่าดาวเทียม และยิงในวงโคจรดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ควรให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เป็นผู้ดำเนินการกิจการดาวเทียมเอง เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวใกล้หมดสภาพรัฐวิสาหกิจ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการป้องกันข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

นายอนุภาพ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่น่ากังวลขณะนี้ คือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลในเรื่องดาวเทียมโดยตรง เพราะที่ผ่านมา ยังไม่มีกฎหมายฉบับใด ระบุยกเว้นในการทำหน้าที่ดังกล่าว ได้โยนลูกให้กับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ซึ่งมีหน้าที่เป็นเพียงแค่คู่สัญญา จึงทำให้เกิดปัญหาการรักษาสิทธิ์วงโคจรล่าช้า

อย่างไรก็ตาม หากไม่รีบดำเนินการ แล้วปล่อยให้สูญเสียสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม สุดท้ายจะมีปัญหาการฟ้องร้องตามมา เพราะวงโคจรดาวเทียม ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีหลายประเทศที่จ่อรอคิวในการเป็นเจ้าของสิทธิ์วงโคจรดาวเทียม

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้มอบหมายให้ กสท เป็นผู้ดำเนินการ ศึกษาแนวทางการรักษาสิทธิ์วงโคจร โดยแนวทางเบื้องต้น คือ การเช่าดาวเทียมจากวงโคจรอื่นแล้วลากมาไว้ตำแหน่งวงโคจรดังกล่าว

สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมอยู่ 6 จุด คือตำแหน่ง 119.5 องศา (เป็นตำแหน่งของไอพีสตาร์) ตำแหน่ง 78.5 องศา (ไทยคม 5 อยู่ระหว่างจะยิงดาวเทียมไทยคม 6 ขึ้นไปแทนจะสามารถยิงได้ในปี 2556) โดยทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าวนี้ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เหลืออายุสัญญาสัมปทานกับกระทรวงไอซีทีอีก 8 ปี ขณะที่กระทรวงไอซีที ยังคงมีถือสิทธิในการรักษาตำแหน่งวงโคจรไว้เท่าไรก็ได้ จนกว่ากระทรวงไอซีทีจะแสดงความจำนงที่จะไม่รักษาสิทธิ์ดังกล่าว ส่วนตำแหน่ง 120 องศาออกจะสิ้นสุดในการรักษาตำแหน่งวงโคจรในเดือน พ.ย.2554 ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก จะหมดอายุกลางปี 2555 ขณะที่ตำแหน่ง 126 และ 142 องศา ยังเหลืออายุการรักษาสิทธิ์อีก 2 ปี

.
.

ที่มาของข่าว : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 18 – 07 – 2554

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

พลังงานแสงอาทิตย์โรงไฟฟ้้า ลดคาร์บอนไดออกไซด์



ลดคาร์บอน

แผงรับแสงอาทิตย์ติดตั้งอยู่บนอาคารของโรงไฟฟ้าเกาะลามมา ฮ่องกง สำหรับแผงรับแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งนี้จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ปีละ 620,000 หน่วย ไปยัง 150 ครอบครัว และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 520 ตัน นับเป็นระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง.

.
.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 03 – 08 – 2553

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075




บริษัทมิตซูบิชิส่งรถยนต์ไฟฟ้า “ไอเมียฟ” รุ่นแรกไปถึงออสเตรเลีย ณ ท่าเรือนครเมลเบิร์น โดยเป็นรถ ในเมืองรุ่นแรกที่มีมลพิษเป็นศูนย์ ทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. ใช้เวลา 7 ชั่วโมง ในการชาร์จไฟจากไฟบ้านให้เต็ม

.
.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 10 – 08 – 2553

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

‘ไมโครซอฟท์’ เผยโฉมเม้าส์-คีย์บอร์ดยุคใหม่ ใช้แฟชันผสานเทคโนโลยี



ไมโครซอฟท์ เปิดตัวฮาร์ดแวร์เพื่อคนยุคใหม่ “Express Mouse และ Wireless Desktop 2000” รับแรงบันดาลใจจากแฟชันดีไซน์ดัง ผนวกเทคโนโลยีที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ลดปัญหาจากการใช้งานเป็นเวลานาน…

นายชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการแผนกการตลาดและค้าปลีก (RSM) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีบลูแทร็คและนำเสนอเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ บริษัทฯ ได้นำเสนอฮาร์ดแวร์ล้ำสมัยทั้งด้านเทคโนโลยี สมรรถนะการทำงาน และดีไซน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทฯ นำเสนอเม้าส์ Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ที่มาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยี เหมาะกับสรีระร่างกายด้วยคุณสมบัติที่รองรับหลักสรีระศาสตร์ ซึ่งออกแบบเพื่อป้องกันอาการตึงในส่วนต่างๆ ของร่างกายเนื่องจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และเสริมประสิทธิภาพการทำงาน


โดยเม้าส์รุ่น Express Mouse มาพร้อมประสิทธิภาพในการควบคุมใช้งาน การเลื่อนขึ้น-ลง และการตอบสนองในรูปแบบเม้าส์มีสาย โดยผู้ใช้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาแบตเตอรี่หมด แสงสีฟ้าอ่อนในเทคโนโลยีบลูแทร็คมีประสิทธิภาพมากกว่าแสงเลเซอร์ในเม้าส์เลเซอร์อื่นๆ 4 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลาก คลิก และเลื่อนเม้าส์ได้บนทุกพื้นผิว ทั้งนี้ เทคโนโลยีบลูแทร็คยังรองรับการใช้งานที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่และใช้งานคอมพิวเตอร์ในสถานที่ต่างๆ ขณะที่ดีไซน์ของเม้าส์รุ่นดังกล่าวยังเหมาะกับสรีระศาสตร์เหมาะสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในแต่ละวัน ด้วยรูปทรงกะทัดรัด สายเม้าส์ถูกออกแบบมาในตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ และปุ่มแบบกำหนดเองได้ 3 ปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพในการทำงาน และสไตล์ที่ทันสมัย ส่วนสีของ Express Mouse ได้รับอิทธิพลจากเวทีแฟชันโชว์จากดีไซน์เนอร์ชื่อดังในปีนี้ โดยมีทั้งสีเทา Flint Grey , แดง Hibiscus Red , ชมพู Dahlia Pink , น้ำเงิน Ultramarine Blue และฟ้า Coast Blue

ชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ประกอบด้วยคีย์บอร์ดรูปทรงเพรียวบาง ทันสมัย และเม้าส์สีดำคู่ใจ พร้อมเทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) 128 บิต ช่วยป้องกันข้อมูลจากการถูกรบกวนและถูกแฮค เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งานว่าข้อมูลบนคอมพิวเตอร์จะได้รับการปกป้อง และด้วยความสามารถด้านความปลอดภัย เทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) จึงถูกนำไปใช้ในระบบการถอดรหัสของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อป้องกันแฮคเกอร์จากการแฮคข้อมูล นอกจากช่วยปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเม้าส์และคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 ยังมีฟีเจอร์พิเศษการเข้ารหัส 128 บิต และที่พักฝ่ามือช่วยลดแรงกระแทกอีกด้วย

สำหรับราคาและการจำหน่าย เม้าส์รุ่น Express Mouse และชุดคีย์บอร์ด Wireless Desktop 2000 มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านไอทีชั้นนำ ในราคา 490 และ 1,350 บาท ตามลำดับ พร้อมการรับประกันผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟท์ ฮาร์ดแวร์ นาน 3 ปี

.
.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 28 – 07 – 2554

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

เตียงอบไฮเปอร์บาริค ภายในปรับสภาพด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์





เวย์น ทาร์ท ชาวเมืองคลินตัน นอนรับการรักษาตัวภายในเตียงอบไฮเปอร์บาริค ที่ภายในปรับสภาพด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ ซึ่งมีการติดตั้งเป็นครั้งแรกที่เคปเฟียแวลเลย์ ใช้รักษาอาการป่วยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อเรื้อรัง หรือรักษาการศัลยกรรมผิวหนัง การรักษาแบบนี้แสดงให้เห็นถึงการที่ศูนย์สุขภาพทั้งหลายในสหรัฐฯพยายามนำ อุปกรณ์ไฮเทคทางการแพทย์มาใช้ในการรักษามากขึ้น.

.
.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 09 – 08 – 2553

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

คอมพิวเตอร์ขับรถยนต์ไฟฟ้าอิเล็กทริคเพียจ-จิโอ พอร์เตอร์





คอมพิวเตอร์เครื่อง นี้ทำหน้าที่ขับรถยนต์ไฟฟ้าอิเล็กทริคเพียจ-จิโอ พอร์เตอร์ ซึ่งเป็นผลงานของห้องทดลองระบบปัญญาประดิษฐ์และการมองเห็น (วิสแล็บ) แห่งมหาวิทยาลัยพาร์มา กำลังติดตามความเคลื่อนไหวรถชนิดนี้กัน ที่ร่วมขบวนไปตามถนนในเมืองเคียฟเมื่อสัปดาห์ ที่แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองคันใช้พลังงานแสงอาทิตย์กำลังจะออกเดินทางเป็นระยะ 13,000 กม. จากมิลานไปเซี่ยงไฮ้ เพื่อสาธิตความเป็นไปได้ในการใช้รถยนต์ “สีเขียว” จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน เฉพาะรถที่นำขบวนคันแรกเท่านั้นที่มีคนขับ แต่รถที่ตามมาจะไร้คนขับ

.
.

ที่มา : http://www.digitalthai.net/category/

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

Japan first in Asia to enter digital TV era

Japan first in Asia to enter digital TV era

Japan marks a milestone in Asia's history as it becomes the first country in the region to migrate from the traditional analog transmission to a fully digitized television broadcast system.

News wire Reuters reported Sunday that Japan ended its 58-year-old era of analog television transmission over the weekend as cathode-ray tube TVs are no longer able to display programs without an additional special tuner, following the migration to digital broadcast. Public broadcaster NHK's news program and cartoon series Pocket Monsters were among the shows that are fully digitized, it added.

Additionally, the switch to digital transmission frees up airwaves that can then be allocated to local mobile operators such as Softbank to improve their existing services, the report stated.

The Japanese government in January released a statement saying that the country's digital broadcasting will take up only two-thirds of radio bands used by analog system. The additional spectrum has been earmarked to improve mobile phone services, traffic information services, disaster prevention measures and a new business of broadcasting exclusively for mobile devices, it explained.

Currently, Softbank is seeking government approval to use part of the freed up airwaves to improve its data transmission, Reuters noted. The operator plans to spend 1 trillion yen (US$13 billion) over the next two years based on the expectation that it will be allocated some spectrum, according to company president, Masayoshi Son.

Other Asian countries going digital, too
While it is the first, Japan is not the only country in Asia moving toward a fully digital broadcast system.

China in March announced plans to digitize all of its cable TV networks above the county level by 2015 to spur the convergence of cable TV, telecommunications and the Internet. Such a network would enable a larger amount of content transmission and allow more interplay between TV broadcasters, telecom carriers and Internet operators to provide services within the various industries, according to an earlier ZDNet Asia report.

Singapore had also revealed plans to switch fully to digital TV transmission, which it said were in line with the Association of Southeast Asian Nations' (Asean) plan to turn off analog broadcast between 2015 and 2020. Yaacob Ibrahim, Singapore's minister for information, communications and the arts, said last month that the country's media regulator, the Media Development Authority, is preparing a nationwide trial network which is slated to be up in September, to assess how DVB-T2 (Digital Video Broadcasting-Terrestrial) can be deployed across the island.


Credit : http://www.zdnetasia.com/japan-first-in-asia-to-enter-digital-tv-era-62301351.htm


ก็ประมาณว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่ใช้ทีวีอนาล๊อกแล้ว ก้าวสู่ทีวีดิจิตอลแล้วนะจ๊ะ

เขาบอกว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ก้าวสู่ทีวีดิจิตอลแบบเต็มรูปแบบ หลังจากใช้ทีวีอนาล๊อกมา 58 ปี

แล้วบอกอีกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศล่าสุดของโลก และประเทศแรกในเอเชียที่เลิกการออกอากาศแบบทีวีอนาล๊อก เปลี่ยนมาใช้ทีวีดิจิตอลแบบ 100 เปอร์เซนต์แล้ว ประเทศสิงคโปร์ก็มีแผนการว่ากำลังจะตามมา

รายละเอียดอื่นๆอ่านกันเอาเองนะ

ส่วนความแตกต่างระหว่างอนาล๊อกกับดิจิตอล ก็อย่างที่เราเรียนกันตอนปี 2 คือดิจิตอลจะใช้ระบบของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ส่งข้อมูลแบบบิต 0 1 ทำให้ระบบดิจิตอลส่งข้อมูลได้มากกว่าแบบอนาล๊อก ก็จะทำให้ได้ภาพและเสียงที่ดีกว่า อย่างพวก HDTV พวกเกาหลีก็มีแล้วนะ เราดูแล้วแบบชัดแจ๋วอ่ะ ชอบ ขอให้เมืองไทยมีบ้าง ไม่ต้องถึงกับร้อยเปอร์เซนต์ก็ได้ :)

เทคโนโลยีของกุญแจรถยนต์แบบใหม่ล่าสุด



อุปกรณ์เกี่ยวกับยานยนต์ตัวล่าสุดคือกุญแจรถยนต์ที่ป้องกันไม่ให้มีการใช้โทรศัพท์หรือการกดพิมพ์ส่งข้อความ (sms) ทางโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ


สิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีที่ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างมากตัวนี้ และเป็นผลงานการพัฒนาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูท่าห์ (University of Utah) ซึ่งกุญแจรถแบบใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า Key2SafeDriving ซึ่งแปลได้ว่าเป็นกุญแจที่ให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถขณะขับรถ โดยทางนักวิจัยมีจุดประสงค์ในการคิดค้นและพัฒนากุญแจลักษณะนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการลดปริมาณจำนวนคนที่เสียชีวิตบนท้องถนนที่มีสาเหตุจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถเป็นจำนวนไม่น้อย


เนื่องจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือการพยายามพิมพ์ข้อความส่งทางโทรศัพท์มือถือนั้นทำให้คนขับไม่มีสมาธิในการขับรถ ทำให้ขาดความรอบคอบ ดังนั้นกุญแจ Key2SafeDriving จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้การขับขี่ยวดยานมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยกุญแจ Key2SafeDriving จะทำงานโดยการจากการเชื่อมต่อสัญญาณของเทคโนโลยีบลูทูธของกุญแจรถที่มีอุปกรณ์เล็กๆที่สามารถรับส่งสัญญาณกับโทรศัพท์มือถือได้


โดยผู้ใช้จะต้องมีการติดตั้งตัวรับส่งสัญญาณที่กุญแจและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของระบบนี้ในโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ตัวรับส่งสัญญาณที่ติดอยู่ในกุญแจจะสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกับโทรศัพท์มือถือของคนขับผ่านทางเทคโนโลยีบลูทูธ หรือทางคลื่นความถี่วิทยุ (RFID) และเมื่อใดก็ตามที่จะมีการติดเครื่องยนต์โดยการใช้กุญแจ คนขับรถยนต์จะต้องมีการกดปุ่มปุ่มหนึ่งที่กุญแจ เพื่อทำการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือของคนขับเพื่อเริ่มการทำงานของระบบ และเมื่อเครื่องยนต์ติด โทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนระบบการทำงานไปอยู่ในแบบกำลังขับรถ หรือ Driving Mode และจะมีสัญญาณสีแดงพร้อมกับตัวหนังสือเขียนว่า STOP หรือหยุดแสดงขึ้นมาตรงกลางหน้าจอ


และถ้ามีสายโทรเข้าหรือมีข้อความส่งเข้าที่เครื่องขณะขับรถ โทรศัพท์มือถือก็จะตอบกลับไปโดยอัตโนมัติโดยส่งข้อความกลับไปว่า ฉันกำลังขับรถอยู่ และจะโทรกลับหาคุณเมื่อฉันขับรถไปถึงที่หมายโดยปลอดภัย


ซึ่งราคาของกุญแจ Key2SafeDriving ก็มีราคาที่ไม่สูงนักและไม่น่าเกิน 50 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 1,500 บาท และมีแผนที่จะวางจำหน่ายในท้องตลาด

.
.

ที่มา : http://www.foxnews.com/story/0,2933,466584,00.html

น.ส.สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ซัมซุงเปิดตัวโปรเจคเตอร์ขนาดจิ๋ว Samsung SP-H03

ในที่สุด ซัมซุง (Samsung) ก็ตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำตลาดเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ขนาดเล็ก (pico projector) ซึ่งหากมองแว้บแรกอาจจะเข้าใจไปว่า Samsung SP-H03 เป็นกล้องโพลารอยด์ ด้วยขนาดและดีไซน์ที่เล็กมากของมัน แต่ประสิทธิภาพไม่ธรรมดาเลย

โปรเจ็กเตอร์ Samsung SP-H03 จะมาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน 1GB (เพิ่มได้สูงสุด 16GB ในช่องการ์ดหน่วยความจำ microSD ที่อยู่ด้านข้าง) ความสว่างของเครื่องฉายอยู่ที่ 30 ลูเมนส์ หน้าจอความละเอียด WVGA(854x480) พร้อมลำโพง 1 วัตต์ จุดเด่นของ SP-H03 นอกจากเรื่องของขนาด และความสว่างแล้ว มันยังสนับสนุนการเปิดไฟล์วิดีโอที่เข้ารหัสด้วย codec ที่หลากหลายอีกด้วย นั่นหมายความว่า คุณสามารถเล่นไฟล์วิดีโอ AVI, MP4, ASF, MPG, RM, FLV และ WMV ในขณะที่ไฟล์เสียงก็จะมี MP3, MP2, WAV, WMA, FLAC, APE และ RA

LED ของ SP-H03 จะมีอายุใช้งานได้นาน 30,000 ชม. ส่วนแบตฯในเครื่องสามารถเล่นได้นานต่อเนื่อง 2 ชม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง น้ำหนักเครื่องแค่ 6 ออนซ์ด้วยขนาดเครื่องที่ถือไว้ในอุ้งมือได้อย่างสบายๆ นอกจากการใช้งานเพื่อความบันเทิงแล้ว สำหรับธุรกิจ หรือการศึกษา ซัมซุงได้พัฒนาโปรแกรมวิวเวอร์ไฟล์เอกสารไว้ด้วย ทำให้เราสามารถฉายเอกสารขึ้นจอได้โดยไม่ต้องต่อพีซี ซึ่งไฟล์เอกสารที่รอง รับการใช้งานก็ได้แก่ Microsoft Office Suite(PowerPoint, Excel, Word) และ Adobe PDF สำหรับภาพที่ฉายออกมาจะสามารถขยายใหญ่ได้สูงสุดถึง 80 นิ้ว สนนราคาอยู่ที่ 299 เหรียญฯ หรือประมาณ 9,800 บาท

ข้อมูลจาก : arip.co.th

ทุกอย่างดูเหมือนจะเล็กลงเรื่อยๆ...อะไรใหญ่ๆก็ทำให้เล็กลงได้ เหมือนข้อมูลของเราเลย...เยอะแยะมากมายก็ทำให้เล็กลงเข้าใจง่าย...^^ เกี่ยวไหมหว่า???

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่นสกัด มีเทนไฮเดรต ใต้สมุทรครั้งแรกในโลก

ญี่ปุ่นเตรียมสกัดก๊าซธรรมชาติจาก “มีเทนไฮเดรต” ใต้พื้นสมุทรครั้งแรกในโลก
โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2554

ญี่ปุ่นเตรียมทดสอบสกัดก๊าซธรรมชาติจากแหล่งมีเทนไฮเดรต หรือ “น้ำแข็งติดไฟ” ที่อยู่ใต้พื้นมหาสมุทรเป็นครั้งแรกของโลก สื่อท้องถิ่นเผยวันนี้(25) หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า การทดสอบดังกล่าวจะกินพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ตั้งแต่จังหวัดชิสุโอกะไปจนถึงวากายามะ โดยจะใช้เวลานานหลายสัปดาห์ตั้งแต่ปีงบประมาณปัจจุบันไปจนถึงเดือนมีนาคม ปี 2013 กระทรวงเศรษฐกิจ, พาณิชย์ และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เตรียมเสนอร่างงบประมาณไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านเยน (ราว 3,790 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว รายงานเผย มีเทนไฮเดรต พบในสภาพแวดล้อมที่มีความดันสูงและอุณหภูมิต่ำ เช่น พื้นมหาสมุทร โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อของทวีป ซึ่งก๊าซชนิดนี้จะจับตัวเป็นผลึกคริสตัลเมื่อสัมผัสกับความเย็นของน้ำทะเล หากการทดลองนอกชายฝั่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะนับเป็นครั้งแรก ของโลก โดยก่อนหน้านี้เคยมีการสกัดก๊าซมีเทนจากแหล่งมีเทนไฮเดรตบนผืนแผ่นดินของ แคนาดา โดยใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาแล้ว ญี่ปุ่นพยายามหาแหล่งพลังงานทดแทนที่หลากหลาย หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียวได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนนำมาซึ่งวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกในรอบ 25 ปี ด้วยเหตุที่มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย ญี่ปุ่นจึงต้องพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากตะวันออกกลางเป็นหลัก และเพิ่งจะสามารถใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ตอบสนองความต้องการไฟฟ้าได้ถึง 1 ใน 3 ของประเทศเมื่อไม่นานนี้ ทว่าในปัจจุบันญี่ปุ่นหันมาสนับสนุนพลังงานซึ่งนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม เป็นต้

ญี่ปุ่นผุด"แฮมเบอร์เกอร์"ทำจาก"อุนจิ"

ญี่ปุ่นผุด"แฮมเบอร์เกอร์"ทำจาก"อุนจิ"

ปัจจุบันอัตราการเพิ่มประชากรทั่วโลกต่อปีอยู่ที่ 130 ล้านคน (เฉลี่ย 4 คนต่อวินาที) นั่นหมายความว่า ความต้องการในการบริโภคก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทรัพยากรบนโลกก็อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการในการบริโภคก็เป็นได้ เทคโนโลยีส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลผลิตต่างๆ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเติบโตรวดเร็วทันต่อความต้องการดังกล่าว

อย่าง ไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งกำลังมองว่า วิธีดังกล่าวก็อาจจะยังไม่ทันต่อความต้องการบริโภคในอนาคต การรีไซเคิลจึงเป็นอีกทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นรายนี้ มุ่งประเด็นไปที่ของเสียที่ร่างกายขับถ่าย (อุนจิ - -") ซึ่งเขาพบว่า มันมีส่วนประกอบของสารอาหารที่สามารถนำมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาทำเป็นอาหารที่รับประทานได้ :O ล่าสุดที่มีวิจัยได้สังเคราะห์"เนื้อเทียม"จากอุนจิ เพื่อนำมาใส่ในแฮมเบอร์เกอร์ และใช้รับประทานได้

Mitsuyuki Ikeda นักวิจัยจากศูนย์ประเมินสถานการณ์สภาพแวดล้อมในโอกายามา เขามีความต้องการที่จะช่วยแก้วิกฤติปัญหาการขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นกับโลก ใบนี้ ด้วยการีไซนเคิล"อุนจิ" เพื่อเปลี่ยนไปเป็นเบอร์เกอร์ที่รับประทานได้ โดยเนื้อที่ได้จะไม่เหมือนเนื้อจริงๆ แต่เป็นการแยกส่วนประกอบจากของเสีย ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน 63% คาร์โบไฮเดรท 3% สารอินทรีย์ประเภทไขมัน และเกลือแร่ 9% ซึ่ง Ikeda เรียกสารตั้งต้นในการรีไซเคิลเป็นอาหารนี้ว่า "sewage mud" (โคลนปฏิกูล) ฟังดูดีกว่าเดิมนิดนึง พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ตอนนี้เขาเก็บ อุนจิ เอ่อ...ไม่ใช่สิต้องเรียกว่า โคลนปฏิกูลของเขาเอาไว้ เผื่อว่า วันหนึ่งมันจะกลายเป็นของขายได้ หากต้นทุนการผลิตเนื้อเทียมจากอุนจิลดลง เอ่อ...คุณผู้อ่านล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้าเป็นจริง...คุณจะกล้ารับประทาน หรือไม่?

Youtube


Credit : ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

ปล. จุดนี้เราจะกล้ากินกันมั้ย ฮ่าๆๆๆ

นางสาว รวิกร พูลศิริ 027 ค่ะ

MIT พัฒนาแว่นตาอ่านความคิดจากสีหน้า

MIT พัฒนาแว่นตาอ่านความคิดจากสีหน้า


เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เราพึ่งนำเสนอเรื่องทีวีอ่านอารมณ์จากสีหน้าได้ วันนี้เราก็เลยพูดถึงแว่นตาที่สามารถอ่านความคิดจากสีหน้าได้ :) แต่ก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรอก ถือว่าเป็นภาคต่อของ 2 สัปดาห์ที่แล้วก็แล้วกัน

Rosalind Picard วิศวกรจาก MIT ได้พัฒนาแว่นตาที่เจ้าตัวอ้างว่า มันสามารถอ่าน"ความคิด" และบอกกับผู้สวมแว่นตาได้ว่า ผู้ที่กำลังคุยอยู่กับคุณคิดอะไร? หรือกำลังรู้สึกอย่างไร...กับสิ่งที่คุณกำลังบอกเล่า โดยแว่นตาดังกล่าวจะมาพร้อมกับกล้องจิ๋วที่ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ เพื่ออ่านสีหน้าของคนที่คุณกำลังคุยอยู่ด้วย ซึ่งข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์มาจากตำแหน่งต่างๆ บนใบหน้ากว่า 24 แห่ง โดยข้อมูลที่อ่านได้จากตำแหน่งเหล่านี้จะถูกเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล เพื่อตัดสินใจว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นกำลังคิด หรือรู้สึกอย่างไร? ใน 6 รูปแบบด้วยกันได้แก่ กำลังคิดตาม รู้สึกคล้อยตามเห็นด้วย พินิจพิเคราะห์สิ่งที่เราพูดอย่างใจจดใจจ่อ รู้สึกสนใจ สับสน และไม่เห็นด้วย


ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่วิเคราะห์สีหน้าจากข้อมูลที่ได้จากกล้องจิ๋วบนแว่น ได้รับการพัฒนาโดย Rana el Kaliouby โดยจากผลการทดลองใช้งานแว่นตาอ่านความรู้สึกนึกคิดจากสีหน้านี้ ปรากฎว่า โดยเฉลี่ยเราจะสามารถตีความคิดจากสีหน้าของคู่สนทนาได้ถูกต้องประมาณ 54% ในขณะที่แว่นตาของทั้งสองอ่านความคิดจากสีหน้าได้ถูกต้องถึง 64% ล่าสุด MIT ได้มีการเจรจากับบริษัทในญี่ปุ่นที่สนใจให้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถ วิเคราะห์รอยยิ้มที่แตกต่างกัน 10 แบบของคนในญี่ปุ่นแล้ว อืม...สงสัยต้องให้มาลองท้าพิสูจน์กับนักการเมือง บ้านเราสักหน่อยแล้ว :D


Youtube

Credit : http://www.arip.co.th/news.php?id=413999

นางสาวรวิกร พูลศิริ 027 ค่ะ

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เล่าเรื่องผ่านกระดาษ

เล่าเรื่องแบบ เจ๋งๆๆ ที่มามาฝากให้ได้ดูน้อ อาจไม่เกี่ยวเท่าไหร่
ในหนึ่งวันทำอะไรลงไป

http://variety.teenee.com/foodforbrain/36816.html

นายวีระชัย บุญวิบูลวัฒน์  (Lee)

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

All in 1 คีย์บอร์ด..รวมทุกอย่างที่จำเป็นไว้ในนี้หมดแล้ว



        คราวก่อนนู้นน..เคยนำเสนอเรื่องของคีย์บอร์ดสำหรับสาวก Facebook ไปทีนึงแล้ว คราวนี้ขอนำเสนอคีย์บอร์โแนวคิดใหม่ ที่ภายนอกดูหรูหราด้วยวัสดุที่เป็นมันวาวเพราะทำด้วยกระจก ไม่มีปุ่มใดๆโผล่ขึ้นมารบกวนจิตใจ เพราะใช้ระบบทัชสกรีน ขนาดก็ไม่ใหญ่ไปกว่าขนาดของคีย์บอร์ดในปัจจุบัน แต่ที่พิเศษคือมันรวบรวมเอาทุกอย่างมาไว้ในนี้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น CD, DVD พอร์ตสำหรับ USB และ SD Slot สามารถฟังวิทยุและทำเป็นลำโพงได้ พร้อมลูกเล่นเก๋ๆคือมันสามารถเปลี่ยนสีได้ทุกสีตลอดเวลาที่เราต้องการอีก ด้วย…ว่าแต่หลังใช้คีย์บอร์ดอันนี้เสร็จรอยนิ้วมือคงเต็มเกลื่อนเลยทีเดียว ^ ^”





http://variety.teenee.com/science/36996.html
นายวีระชัย บุญวิบูลวัฒน์    (lee) 

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Zizzee.com ท่องเที่ยวทั่วไทยในยุคไซเบอร์

http://www.itday.in.th/zizzee-com-smath-travel-search/#more-903

เป็นประโยชน์จากการใช้สารสนเทศเพื่อการรวบรวมข้อมูลทำให้ง่ายต่อการสืบค้น ความเห็นส่วนตัว คิดว่าหากข้อมูลทางสิ่งแวดล้อมที่แต่ละกระทรวง แต่ละกรม นำมาแชร์กันเป็นหมวดหมู่ ก็จะเป็นประโยชน์มากๆในการป้องกัน และ พัฒนาสิ่งแวดล้อม

WiMAX Technology

http://www.buycoms.com/upload/coverstory/111/WiMax.html

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Wi-Fi ที่ใช้ๆ กันอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีรัศมีบริการประมาณ 100 เมตร มันเกิดมีความสามารถในการให้บริการรัศมีเพิ่มเป็นหลายสิบกิโลเมตร และความเร็วสูงอีกด้วย ถ้าจังหวัดเล็ก ๆ จังหวัดหนึ่งมี Hot Spot จุดเดียวก็สามารถเชื่อมต่อ Internet รับส่งข้อมุลต่างๆทั้งภาพและเสียงได้เต็มรูปแบบ จากทุกพื้นที่ในจังหวัด

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พรรณไม้ในเมืองก็ดูดซับ “คาร์บอน” ได้

ต้นไม้ฝนเมืองสาารถช่วยดูด ซับ คาร์บอนได้
เราทุกคนต้องช่วยกััน ดูแลรักษาต้นไม้ และ ปลูกป่ากันเน้อะ

เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มได้ที่นี่เลย...
http://www.tei.or.th/news-environment/110714-3-2.pdf

อ้างอิงจาก : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2554

น.ส. ศิริรัตน์ ฉัตรธีรภาพ 5215072

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทีวีอนาคต: คุณจ้องดูทีวี-ทีวีก็จ้องดูคุณ?







ทีวีอนาคต: คุณจ้องดูทีวี-ทีวีก็จ้องดูคุณ?

ศูนย์วิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของ NHK ได้ทดลองพัฒนาระบบที่ประกอบด้วยทีวี ซึ่งได้รับการติดตั้งกล้องขนาดเล็กที่สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหว ตลอดจนการแสดงอารมณ์บนสีหน้าของผู้ชม เพื่อหาคำตอบว่า โปรแกรมรายการใด และโฆษณาชิ้นไหนที่ผู้ชมชอบ และไม่ชอบ จะว่าไปมันเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันมันฟังดูน่ากลัวเหมือนกันนะ

จะ ว่าไปแล้ว "ทีวีในอนาคต" อาจจะทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจกับกล้องที่ติดมากับทีวี ซึงมันจะคอยติดตามสอดส่องทุกการเคลื่อนไหวของคุณขณะรับชม แต่มันก็มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้กับผู้ชมที่ฟังดูน่าสนใจเหมือนกัน นั่นคือ หากทีวีสามารถตัดสินใจได้ว่า โฆษณาชิ้นใด หรือรายการไหนที่คุณชอบ หรือไม่ชอบ มันก็จะสามารถปรับผังรายการ เพื่อนำเสนอสิ่งที่คุณอยากชมมากกว่าได้ ไอเดียนี้ทำให้นึกถึง Gmail ที่มันอาจจะกำลังอ่านอีเมล์ของคุณ เพื่อส่งโฆษณาที่น่าจะเหมาะกับคุณ แทนที่จะสุ่มอะไรไปให้ดูก็ไม่รู้ ซึ่งหากคุณไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ทีวีในอนาคตก็จะไม่ทำให้คุณรู้สึกนั้นเช่นกัน

สำหรับ ทีวีต้นแบบพัฒนาโดย NHK Science & Technology Research Laboratories โดยใช้กล้องที่ติดอยู่บนทีวีถ่ายรูปของผู้ชมขณะที่กำลังชมรายการต่างๆ ซึ่งภาพเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังแท็บเล็ตพีซี เพื่อทำการวิเคราะห์ และประเมินระดับความสนใจในคอนเท็นต์ต่างๆ ที่รับชมบนทีวีว่า มีความสุขไหม หรือว่าเศร้า โกรธ ไปจนถึงเกิดอาการ"เซ็ง"กับสิ่งที่รับชม จากข้อมูลที่ดได้ คอมพิวเตอร์จะสามารถเรียนรู้ได้ว่า ผู้ชมชอบอะไร และทำการแนะนำสิ่งที่น่าจะชอบดูได้ ต้นแบบทีวีแห่งอนาคตจะทำงานสองทาง โดยหากระบบพบว่า คุณเบื่่อคอนเท็นต์แบบใด มันก็จะลด หรือเปลื่ยนคอนเท็นต์ใหม่ให้ชมแทน ในที่นี้รวมถึงโฆษณาด้วย คุณผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรกับทีวีอนาคต?


Credit : http://www.arip.co.th/news.php?id=413750


ปล. โดยส่วนตัวแล้วมันคล้ายกับ metadata ในการอธิบายข้อมูลให้คนอื่นเข้าใจ เราก็ต้องมีการปรับคำอธิบายให้เข้ากับคนดู จากการแสดงทางสีหน้า ว่าเขาเข้าใจที่เราพูดมั้ย ประมาณนั้น

เราว่าเทคโนโลยีน่าสนใจมากเลย

นางสาวรวิกร พูลศิริ 027 (ไหมค่ะ)



วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มน.ลงมือประเมินผลกระทบ สวล.เขื่อนกิ่วคอหมา/รับห่วง “น้ำผิวดิน”

ลำปาง - มหาวิทยาลัยนเรศวร ลงประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเขื่อนกิ่วคอหมานำร่องแห่งแรกของกรมชลประทาน โดยยอมรับห่วง“น้ำผิวดิน”

วันนี้ (12 ก.ค.) ที่โรงแรมเวียงทอง นายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เป็นประธานเปิดการตรวจประเมินคุณภาพสิ่งแวดล้อมและจัดการทำรายงานติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ซึ่งมีทีมงานจากมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้ตรวจสอบและประเมินผลกระทบทั้งหมด เป็นครั้งแรก โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมให้ข้อมูลกว่า 200 คน

สำหรับโครงการเขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เปิดโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,670.05 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 3,288.21 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขและพัฒนาสิ่งแวดล้อม 342.96 ล้านบาท และค่าพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร 38.87 ล้านบาท

กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ ในปีงบประมาณ 2548-2550 ซึ่งปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างระบบชลประทานซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2550-2557

ในปีงบประมาณ 2553 กรมชลประทานได้รับงบประมาณเพื่อแก้ไขและพัฒนาสิ่งแวดล้อม 81.277 ล้านบาท โดยแยกเป็นงบประมาณแผนงานแก้ไขและพัฒนาสิ่งแวดล้อมหลังการก่อสร้าง จำนวน 70.644 ล้านบาท และงบประมาณส่วนของแผนติดตามตรวจสอบทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จำนวน 10.633 ล้านบาท ซึ่งกรมชลประทานได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจัดทำรายงานการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ซึ่งถือเป็นแห่งแรกที่กรมชลประทานได้ดำเนินการให้มีการประเมินผลกระทบ ระหว่างการดำเนินงานและภายหลังการดำเนินงานก่อสร้างเขื่อน

ด้าน รศ.ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี หัวหน้าคณะโครงการติดตามตรวจสอบประเมินผล กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ต่อประชานที่อยู่ในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะหากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จก็จะเป็นต้นแบบให้โครงการอื่นได้นำไปใช้เพื่อลดปัญหาผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่

จากการตรวจสอบและประเมินในเบื้องต้น คณะได้เน้นตรวจสอบเรื่องคุณภาพน้ำผิวดิน ซึ่งนักวิชาการมีความเป็นห่วงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างเขื่อน เพราะเกรงจะมีผลกระทบต่อการประมงทั้งหมด แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็ยังไม่พบปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากโครงการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมด ดังนั้น ทีมงานจะต้องติดตามประเมินผลเป็นระยะ และระหว่างนี้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็สามารถเข้าให้ข้อมูลได้ตลอด ซึ่งก็จะเป็นสิ่งที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้





ปภาวรินท์ รื่นปาน (มิ้น)

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตในปี 2020



โลกที่เปลี่ยน ไป ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ดูเพิ่มเติมตามนี้นะ
http://fwmail.teenee.com/etc/41288.html

นายวีระชัย บุญวิบูลวัฒน์  (lee)

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

GIS กับโลกธุรกิจ

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] หลายคนอาจสงสัยว่า GIS (Geographical Information System) เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจได้อย่างไร ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เขาเอาไว้ใช้ค้นหาแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติหรือ การวางแผนเพื่อพัฒนาการเกษตรหรอกหรือ?

พื้นที่โฆษณา
สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613

ในความเป็นจริงนั่นก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่สำหรับโลกธุรกิจแล้ว เทคโนโลยี GIS ทำอะไรได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะฝ่ายจัดจำหน่าย คุณสามารถวางแผนเส้นทางการเดินรถได้ว่า จากจุด ก ถึงจุด ข เส้นทางเดินรถสายไหนจะใกล้สุด? มีเส้นทางเลือกได้กี่ทาง? แต่ทว่า…นั่นเป็นแค่ความสามารถพื้นๆ ครับ

ในระบบซอฟต์แวร์แผนที่ที่มีราคาสูงขึ้นไป คุณสามารถหาข้อมูลได้ว่าในพื้นที่ไหน ภาคไหน มีจำนวนโรงแรม/โรงงาน/อาคารอยู่เท่าไร หรือสามารถประเมินจำนวนประชากรได้ว่าในพื้นที่นั้นๆ มีอยู่ประมาณเท่าไร ทั้งยังสามารถนำเสนอข้อมูลควบคู่ไปกับสภาพภูมิประเทศได้ด้วย (ที่ราบ ที่สูง แม่นำ้ ทะเลสาบ)

ข้อมูลที่ว่ามานี้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการขายสินค้า รวมไปถึงแผนการจัดจำหน่ายได้มากทีเดียว แต่สำหรับในเมืองไทยนั้นผมเห็นมีบริษัทที่จัดทำระบบแผนที่นี้อยู่เพียง 1-2 บริษัท เพราะตลาดมีขนาดเล็ก ต้นทุนการผลิตสูง สนนราคาจึงไม่ค่อยน่าจูงใจให้นักการตลาดนำมาใช้งานสักเท่าไร

ฉะนั้นผมต้องขออนุญาตยกตัวอย่างจากกลุ่มประเทศในยุโรปไปตามระเบียบ ตัวอย่างเช่น Deutsche Telecom ที่เป็นเจ้าตลาดติด 1 ในสามของผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรป เขาจัดทำแผนที่ทั่วยุโรปออกจำหน่ายให้กับผู้สนใจทั่วไปในราคาเริ่มต้นเพียง 800 บาทเท่านั้น

ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีความสามารถมากเพียงพอที่จะค้นหาลงลึกได้ถึงระดับชื่อถนนสายหลักทั่วกลุ่มประเทศยุโรป (หากเป็นการค้นเฉพาะในประเทศเยอรมัน สามารถค้นหาได้ลึกถึงชื่อถนนแม้เป็นสายเล็กๆ) หรือคำนวณหาเส้นทางเดินรถ/ระยะทาง จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้อย่างเม่นยำ จัดทำขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีบอกพิกัดตำแหน่งผ่านดาวเทียม หรือ GPS (Global Positioning System)

สำหรับคนที่ต้องการข้อมูลเพิ่ม สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อข้อมูลตำแหน่งข้อมูลชื่ออาคาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพิ่มเติมได้ ซึ่งราคาก็ตกราวหลักพันบาทเท่านั้น นอกจากนั้นคุณยังสามารถซื้อข้อมูลรายปีเพื่ออัพเดทข้อมูลเส้นทางเดินรถใหม่ หรืออาคาร/โรงแรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

ลำพังเทคโนโลยี GIS นั้นหากนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่ติดปีกให้กับธุรกิจบางกลุ่ม แต่สำหรับการใช้ควบคู่กับธุรกิจผ่านเว็บแล้ว (เช่น online shop) ผมบอกได้แค่ว่ามันจะไม่ธรรมดา เพราะคุณจะเห็นตำแหน่งของกลุ่มเป้าหมายจากแผนที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณวางแผนทางการตลาดในระดับลึกได้มากขึ้น

อีกตัวอย่างที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันคือประเทศเกาหลี เพราะปัจจุบันเขานำปาล์มมาให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดูแผนที่ และค้นหาข้อมูลการเดินทางรวมไปถึงสถานที่เที่ยวตลอดการเดินทางได้ตลอด(ผ่านระบบ GPRS) และในปีหน้าทางองค์การท่องเที่ยวเกาหลีเขาจะอัพเกรดให้ปาล์มทุกๆ เครื่องมีระบบ GPS ด้วย

นั่นหมายความว่า องค์การท่องเที่ยวของเขา สามารถเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการปาล์มในแต่ละคนได้ กล่าวได้ว่าได้ข้อมูลลึกชนิดเข้าถึงรูขุมขนทีเดียว เช่น นักเที่ยวชาวยุโรปจะเดินทางจากเมืองนี้ไปเมืองนี้, นักท่องเที่ยวชาวเอเชียจะเดินทางอยู่ในเมืองหลวง เป็นต้น

ข้อมูลเหล่านี้มีค่าสำหรับการวางแผนการโปรโมทการท่องเที่ยวของเขา รวมไปถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจท่องเที่ยวของเขาได้อเนกอนันต์ ….นี่แหละครับโลกใบใหม่…โลกแห่งข้อมูลข่าวสารครับ


บทความเก่าหลายปีแล้ว...แต่การใช้GIS และ GPS ก็เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจมากมายเช่นกัน เป็นการเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง ไม่รู้ว่าในประเทศไทยมีใช้กันบ้างรึยังนะ...ไม่คุ้นเลย


เครดิต : http://www.arip.co.th/businessnews.php?id=404580



ณัฎฐวี ตาสกุล (แจน)

เก็บข้อมูลใต้น้ำด้วยไอทีรู้ทันรับมือทุกการเปลี่ยนแปลง





















มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เนคเทคและผู้ประกอบการรีสอร์ท ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไอทีเพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของโลกใต้ทะเล หวังศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง เผยปลอดภัย สะดวกและได้ข้อมูลเรียลไทม์กว่าการใช้นักดำน้ำ

ปรากฏการณ์อุณหภูมิน้ำ ทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวในปี 2553 นักวิชาการจำเป็นต้องทำความเข้าใจรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ำทะเล และการตอบสนองของปะการังต่ออุณหภูมิน้ำทะเลที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเฝ้าระวังและฟื้นฟูดูแลระบบนิเวศทางทะเล

ผศ.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี หัวหน้าศูนย์ความรู้เฉพาะด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า "ระบบเครือข่ายเซ็นเซอร์เฝ้าติดตามและส่งข้อมูลลักษณ ะทางกายภาพของระบบนิเวศวิทยาปะการัง" เป็นโครงการวิจัยที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของมหา วิทยาลัยวลัยลักษณ์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)

โครงการนี้เริ่มตั้งแต่การติดตั้งเซ็นเซอร์ หรืออุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิน้ำทะเลและแสงแดด ตามจุดต่างๆใต้ท้องทะเล บริเวณบ้านรายารีสอร์ทแอนด์สปา เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต แต่ข้อมูลที่ได้ไม่ทันสถานการณ์ เพราะการตรวจดูข้อมูลจากอุปกรณ์จะกระทำ 2-3 เดือนต่อครั้ง ทำให้บางครั้งปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวสิ้นสุดไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ เนคเทคซึ่งมีความร่วมมือกับเครือข่ายสังเกตการณ์แนวปะการัง และได้รับความร่วมมือจากออสเตรเลียให้ยืมเซ็นเซอร์อัจฉริยะ (ซีทีดี) มาติดตั้งเสริมอุปกรณ์เซ็นเซอร์ตัวเดิม ทำให้ทีมวิจัยสามารถปรับเปลี่ยนระบบการเก็บข้อมูลและ การวัด สามารถตั้งค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ เช่น ตั้งค่าอุณหภูมิวิกฤติ หรือให้ตรวจสอบปรากฏการณ์ เป็นต้น แถมยังสามารถควบคุมหรือสั่งการได้จากศูนย์ควบคุมบนบก

เครือข่ายเซ็นเซอร์อัจฉริยะสามารถวัดบันทึกเหตุการณ์ และข้อมูลที่สนใจได้ดี ผนวกกับเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย ที่มีระบบประมวลผลดิจิทัลที่รวดเร็ว ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

เซ็นเซอร์อัจฉริยะจะเก็บข้อมูลภายภาพ 3 ด้านคือ ความเค็ม ความลึก และปริมาณแสงยูวี ประกอบกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์เดิม ร่วมกับข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องจากสถานีวัดภาคพื้นดิน ส่งข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ของโค รงการและศูนย์ไอทีของบ้านรายารีสอร์ท สำหรับนำออกมาใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัย โดยที่นักวิจัยไม่ต้องเสี่ยงดำน้ำเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมใต้ทะเล
ขณะเดียวกันข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์อัจฉริยะยังเป็นแบบเรียลไทม์ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเข้าดูปริมาณแสงยูวี ความเร็วลมหรืออื่นๆ สำหรับวางแผนประกอบกิจกรรมทางทะเลได้อย่างปลอดภัย

ด้าน ดร.พรเทพ วรรณรัตน์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยการจำลองขนาดใหญ่ เนคเทค ยกตัวอย่างถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของท้องทะเลว่า สามารถใช้พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อแก้ปัญหาชายฝั่ง ซึ่งประกอบด้วย ระบบตรวจวัดอัตโนมัติ และแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยให้นักวิจัยมีข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะทำความเข้าใจกระบวนการต่างๆ ที่มีผลต่อชายฝั่งนำไปสู่การแก้ปัญหาชายฝั่ง ทั้งทางกายภาพและชีวภาพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โครงการนี้ถูกคาดหวังว่า จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานเจ้าภาพต่อเนื่องระยะ ยาว 10 ปี พร้อมทั้งการสนับสนุนเพิ่มจำนวนเซนเซอร์อัจฉริยะบนพื้นที่เกาะราชาใหญ่ และการขยายไปสู่การติดตั้งบนเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย คาดว่าจะเริ่มภายในปี 2554

จึงถือเป็นการประยุกต์ใช้ประโยชน์ไอทีสารสนเทศ เพื่อพลิกฟื้นระบบนิเวศทางทะเลให้สวยงามดังเดิมให้มากที่สุด



ที่มา: สถานีข่าวและกระดานสนทนา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ข่าวโดย คมชัดลึก 23 พ.ค. 54



ศิริพร ศรีอำนาจ (ออย)

The Future of communication


By.Mc

Future of Screen Technology

by.Mc

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โรงหนัง4มิติแห่งแรก "Transformers 3" สัมผัส กลิ่น น้ำ"ทะลุจอ

นับเป็นปรากฎการณ์หน้าใหม่ของวงการภาพยนตร์บ้านเรา เมื่อมี "โรงภาพยนตร์ระบบ 4 มิติ" แห่งแรกในประเทศไทย ที่เราจะได้รับประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ครบทุกอรรถรสในทุกด้าน


มติชนออนไลน์ ว่า ประเทศไทยเป็นเจ้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ต่อจากเกาหลี จีน และเม็กซิโก

เมื่อถามว่าระบบนี้ พิเศษอย่างไร นอกจากภาพ เสียง แสง และสีแล้ว ผู้ชมที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ระบบ 4 มิตินี้ จะได้รับลมเป่า ละอองน้ำ จากด้านหน้าและด้านข้าง กลิ่นที่ทำให้มีความสุข แรงสั่นสะเทือนจากเก้าอี้ระบบพิเศษ เก้าอี้เคลื่อนไหว 3 ทิศทาง มีการสะกิดเท้าและสะกิดหลัง รวมทั้งเสียงกระซิบที่หู ฟองสบู่ ไฟแฟลช และหมอกควัน

ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เข้าฉายในระบบ 4 มิติ ประเดิมด้วยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคต่อที่ทุกคนรอคอย "Transformers 3" ก่อนพาเหรดตามมาด้วยภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดฟอร์มยักษ์ Final Destination 5, Cars 2, The Smurfs, Happy Feet, Sherlock Holmes, The Adventure of Tin Tin และ Mission Impossiple

โรงภาพยนตร์ 4 มิติ ที่ว่านี้ ตั้งอยู่ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน โดยภาพที่จะฉายยังเป็นการฉายบนจอ Silver Screen ที่ให้ภาพชัดคมสมจริง พร้อมสวมแว่นตาบางเบา ไม่เหมือนแว่น 3 มิติทั่วไป


Credit: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309330508&grpid=01&catid=&subcatid=

By.Mc

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สวนผึ้งโมเดล

สวนผึ้งโมเดลสัมฤทธิผล จำคุกนายทุน ทหารกระชับพื้นที่ เดินหน้าลุยปักหมุด


ภายหลังจาก นสพ.เดลินิวส์ ได้เกาะติดความเคลื่อนไหวเรื่องราวของกลุ่มนายทุนรุกพื้นที่ราชพัสดุ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 53 เริ่มจากเหตุการณ์ ทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี หอบหลักฐานเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีมีกลุ่มนายทุนบุกรุกและเข้าไปครอบครองพื้นที่ราชพัสดุ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เนื้อที่เกือบ 3 หมื่นไร่ โดยมีการใช้เครื่องจักรกลหนักเข้าไปปรับพื้นที่ถึงบนเนินเขา ตัดถนนเข้าไปในป่า พร้อมเร่งปรับพื้นที่เป็นแปลงปลูกพืชแบบขั้นบันได เตรียมไว้ปลูกสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน จนบางพื้นที่มีสภาพกลาย
เป็นภูเขาหัวโล้น อย่างไรก็ดีทางหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องนี้ต่างพากันตื่นตัว หลังมีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง

การแก้ไขปัญหาสวนผึ้งว่า ต้นปี 2554 ทางกองทัพบกได้วางแนวทางและโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ (สวนผึ้งโมเดล) โดยแบ่งเป็นขั้นเตรียมการ ได้แก่การทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ขั้นดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร จนถึงดำเนินคดีตามกฎหมาย และสุดท้ายขั้นการฟื้นฟู มีการเตรียมการปลูกป่า สร้างฝายชะลอน้ำ การปักหลักหมุดแนวเขต ซึ่งนโยบายผู้บังคับบัญชา ถือว่ามีความสำคัญที่สุด เช่น มิให้มีการบุกรุกเพิ่ม หรือ เอาที่ดินของรัฐคืนมาให้ได้ หรือการใช้การเจรจาเป็นหลัก หรือใช้ข้อกฎหมายเป็นหลัก ผู้บังคับบัญชาต้องป้องกันดูแลผู้ปฏิบัติงาน
...อ่านต่อคลิก>>http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=96248.0
by.Mc

ผู้ว่าฯระยองสั่งปิดโรงงานคัดแยกขยะ หลังพบประกอบการผิดประเภท


PDFพิมพ์อีเมล


ระยอง - ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองสั่งปิดโรงงานคัดแยกขยะจากเรือบรรทุก หลังชาวบ้านชุมนุมประท้วงตรวจสอบพบประกอบการผิดประเภทส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านทรมานมานานนับปี

นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยอัยการจังหวัดระยอง เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด ฝ่ายปกครอง องค์กรส่วนท้องถิ่น และตัวแทนชาวบ้านหมู่ 3 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ประชุมหารือกรณีบริษัท พรีเมียร์ ออลย์ฟิวล์ เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.สำนักท้อน ซึ่งเป็นโรงงานคัดแยกขยะจากเรือบรรทุกสินค้า ส่งกลิ่นเหม็น และส่งเสียงดังสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านใกล้เคียงมานาน

จากกรณีชาวบ้านหมู่ 3 ต.สำนักท้อน ได้ชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าโรงงานเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่าน นำโดยนางพัณณ์ชิตา ตาคง อายุ 37 ปี ชาวบ้านกล่าวว่า ได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็นและเสียงดังรบกวน คนในบ้านสูดดมมีอาการแสบคอแสบจมูก โดยเฉพาะเด็กๆ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้งเมื่อได้รับกลิ่นเหม็น ช่วงกลางคืนคนงานจะเคาะ ล้างตู้คอนเทนเนอร์ส่งเสียงดังรบกวน ก่อความรำคาญ

นอกจากนี้ มีชาวบ้านบางคนทนไม่ไหวต้องย้ายหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ที่ผ่านมา ร้องเรียนเทศบาลตำบลสำนักท้อน อุตสาหกรรมจังหวัด และอำเภอ ให้มาตรวจสอบ แต่ทางโรงงานก็ยังไม่มีการแก้ไขกลับเพิกเฉยและยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน

นายธวัชชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบว่า ได้ขออนุญาตประกอบกิจการคัดแยกขยะประเภทเบากับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เมื่อปี 51 แต่ทางโรงงานกลับนำขยะผิดประเภทมาคัดแยก โดยเฉพาะวัตถุสารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งในเบื้องต้นได้แจ้งให้หยุดปรับปรุงและขนย้ายสารเคมีอันตรายออกจากโรงงานไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ แต่โรงงานกลับไม่รีบดำเนินการแก้ไข และยังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านอยู่ตลอดเวลาถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและท้าทายไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่

ดังนั้น ได้มีคำสั่งปิดโรงงานดังกล่าวแล้วและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานพร้อมเก็บตัวอย่างสารเคมีนำมาตรวจพิสูจน์เพื่อเป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านฉาง สืบสวนหาที่มาของขยะดังกล่าวว่ามีต้นต่อจากที่ใด และให้เทศบาลต.สำนักท้อน รวบรวมข้อมูลเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับโรงงานทันที

www.manager.co.th ที่มา

3 พรรคโชว์กึ๋นนโยบายสิ่งแวดล้อม


ชมรมสนักข่าวสิ่งแวดล้อมจัดเวทีประชันนโยบายสิ่งแวดล้อม
ปชป.ชูตั้งองค์กรรับผิดชอบภัยพิบัติ
พท.เน้นปรับระบบศูนย์เตือนภัยใหม่
ภท.ดันเมกะโปรเจคสีเขียว

ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมได้จัดเสวนาเรื่อง “โจทย์ใหญ่สิ่งแวดล้อมที่พรรคการเมืองหมางเมิน”ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยโดยผู้เข้าร่วมประกอบด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี จากพรรคเพื่อไทย (พท.) และนายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.)


ทั้งนี้ ผู้แทนพรรคการเมือง ได้สลับกับ นำเสนอแนวคิดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ามาดูและปัญหาต่างๆ ในเรื่องดังกล่าว

โดยในส่วนของการ การรับมือภัยพิบัติ นายสรยุทธ เปิดเผยว่า พรรคได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ในแง่การเตรียมพร้อม เตรียมตัวเพื่อรับมือกับปัญหา โดย ต้องมีคลังข้อมูลด้านภัยพิบัติแห่งชาติซึ่งต้องทำฐานข้อมูลสารสนเทศ และพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจ และต้องมีระบบการเตือนภัยที่ชัดเจน รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีค่าความเสี่ยงต่างๆ และต้องสร้างความตระหนักให้ชุมชน

คุณหญิงกัลยากล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่บูรณาการแนวทางในการดูแลเรื่องนี้ร่วมกัน ประเทศไทยไม่มีการเตือนภัย อย่างจริงจัง จำลองสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งควรมีองค์กรใหม่ที่เข้ามารับผิดชอบเกี่ยวกับภัยพิบัติโดยมีนักการเมืองหรือผู้บริหารประเทศเข้ามาดูแล

นายปลอดประสพกล่าวว่า พรรคมีนโยบายที่จะย้ายศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี ย้ายกรมอุตุนิยมวิทยา ไปไว้ที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชิติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทำงานคู่กับศูนย์เตือนภัย นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะปรับศูนย์การเตือนภัยใหม่ เช่น ให้อำนาจในการสั่งการศูนย์เตือนภัย การสร้างระบบเตือนภัยให้ถึงประชาชน

ขณะที่ ด้านปัญหาเรื่อง โครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพกล่าวว่า เมกะโปรเจค ของพรรคจะคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่าย

คุณหญิงกัลยากล่าวว่า พรรคคำนึงถึงเรื่องนี้ โดย มีแนวคิดเรื่อง ชุมชนเป็นต้นแบบจัดการสิ่งแวดล้อม และอาศัยเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการจัดการ ขณะที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมใน มีนโยบายปลูกป่าอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2537 จนปัจจุบันที่ให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นถึง 10% สูงกว่าที่เคยเป็น

นายสรยุทธกล่าวว่า พรรคมีนโยบาย ว่าเมกะโปรเจค ต้องไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม และต้องบริหารทั้งระบบเช่น การบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ ต้องพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนทั้ง 25 ลุ่มน้ำ และพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำขนาดย่อย ขณะที่ โครงการที่พรรคเสนออาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบ้าง แต่อยู่ในสถานการณ์ที่ดูแลได้

นอกจากนี้ ทั้ง 3 พรรค ยังให้ความเห็นในเรื่องของพลังงานทดแทน ซึ่งทุกพรรคไม่เห็นด้วยกับการนำพลังงานนิเคลียร์เข้ามาในประเทศไทย เพราะยังเป็น ต้องศึกษารายละเอียดด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ และต้องฟังเสียงของประชาชนซึ่งส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้



เครดิต: โพสทูเดย์ ประเด็นเกาะติดการเลือกตั้ง วันที่ 7 กรกฏาคม 54


นส.ศิริพร ศรีอำนาจ (ออย)

พายุฝุ่นซัดรัฐอริโซนา ไฟดับทั่ว ต้องเลื่อนบิน

พายุฝุ่นระดับรุนแรง เข้าซัดเมืองฟินิกซ์ และรัฐแอริโซนาของสหรัฐ ทำให้ต้นไม้โค่นล้มจำนวนมาก ไฟฟ้าดับ จนต้องเลื่อนเที่ยวบิน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พื้นที่เมืองฟินิกซ์ และพื้นที่โดยรอบรัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ ต้องเผชิญพายุฝุ่นหนาทึบทั่วเมือง เมื่อคืนวันอังคาร 5 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยอิทธิพลพายุระดับรุนแรง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาดกว้าง 50 ไมล์ สูง 10,000 ฟุต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลมฤดูมรสุมรัฐแอริโซนา

ทั้งนี้ พายุฝุ่นลูกดังกล่าว ยังพัดโค่นต้นไม้ล้มระเนระนาด ผู้คนหลายพันคน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนเที่ยวบินมุ่งหน้ามาสู่เมืองฟินิกซ์ ต้องเลื่อนกำหนดบินออกไปก่อน เนื่องจากพายุฝุ่นหนาทึบ ทำให้ทัศนวิสัยเลวร้าย

เครดิต: เว็บไซต์กระปุกดอตคอม http://hilight.kapook.com/view/60540


นส.ศิริพร ศรีอำนาจ (ออย)

ช็อก!ฝูงเต่าทะเลโผล่วางไข่สนามบิน JFK สั่งปิดรันเวย์สุดวุ่น

ช็อก!ฝูงเต่าทะเลโผล่วางไข่สนามบิน JFK สั่งปิดรันเวย์สุดวุ่น
























เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อแม่เต่าทะเลจำนวนมากพากันขึ้นจากทะเลเพื่อวางไข่ใกล้รันเวย์ของสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในมหานครนิวยอร์ค เป็นเหตุให้ต้องมีการสั่งปิดรันเวย์ชั่วคราวนานหลายชั่วโมง...


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อแม่เต่าทะเลจำนวนมากพากันขึ้นจากทะเลเพื่อมาวางไข่บริเวณพื้นที่ใกล้รันเวย์ของสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในมหานครนิวยอร์คของสหรัฐฯ เป็นเหตุให้ต้องมีการสั่งปิดรันเวย์และพื้นที่หลายส่วนของสนามบินเป็นการชั่วคราวนานหลายชั่วโมง จนหลายเที่ยวบินต้องล่าช้า


รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากอาร์ลีน ซาลัช โฆษกหญิงของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯหรือ "เอฟเอเอ" ระบุว่า หลายเที่ยวบินต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากมีแม่เต่าทะเลกลุ่มใหญ่นับร้อยตัวขึ้นมาวางไข่ใกล้กับรันเวย์หมายเลข 4 แอล ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ที่เป็นพื้นทรายกว้างเหมาะแก่การวางไข่ตามธรรมชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะเคลื่อนย้ายบรรดาแม่เต่าให้พ้นจากรันเวย์ได้


ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2009 เคยเกิดปรากฎการณ์แม่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่พร้อมกันเป็นจำนวนมากจนกีดขวางการจราจรแถบอ่าวจาไมกา เบย์ ที่ลอง ไอส์แลนด์ของมหานครนิวยอร์คมาแล้วเช่นกัน.



ps. คือว่าในฐานะที่เราเรียน ESI เราว่าพวกเราน่าจะทำอะไรได้บ้าง ว่าเพราะอะไรมันถึงมาไข่ที่นี้อ่ะ เราว่ามันมีสาเหตุแหละ และเราก็อยากรู้ด้วย

โถ่ น้องเต่า TT.


จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐค่ะ ฉบับวันที่ 7 กรกฏาคม 2554

นางสาวรวิกร พูลศิริ 027 ค่ะ

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไอเดียนาฬิกาปลุกไร้เสียงกับ LARK

ไอเดียนาฬิกาปลุกไร้เสียง LARK ที่ออกแบบมาพิเศษโดยเฉพาะสำหรับคู่รักที่ทำงานคนละเวลากัน โดยใช้คู่กับอุปกรณ์โฮเทคอย่าง iPhone, iPod Touch หรือ iPad และอุปกรณ์เพิ่มเติมเข้ามาซึ่งก็คือสายรัดข้อมือที่จะทำหน้าที่สั่นปลุกคนสวมใส่โดยการสั่นและไม่ทำให้เกอดเสียงรบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆนั่นเองครับ


ที่มาจาก fwmail.teenee.com
นาย วีระชัย  บุญวิบูลวัฒน์  (lee)

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Doraemon ^^


ฮาๆ เราก็มาแบบไร้สาระไม่มีแกนสารอีกตามเคย
เราเปิดทีวี (อีกแล้ว) แล้วไปเจอโฆษณา โดราเอมอน~
ก็เลยอยากถามเพื่อนๆว่า
"คิดว่าของวิเศษอะไรของโดราเอมอนสามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้"
.
.
.
เราคิดว่า "ประตูไปใหนก็ได้"
สามารถช่วยไปในที่ๆเข้าถึงได้ยาก ทำให้การเดินทางไปสำรวจง่า่ยขึ้น
ประหยัดพลังงานในการเดินทาง ประหยัดงบประมาณด้วย ^^







น.ส. ปภาวรินท์ รื่นปาน (มิ้นท์)

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ระบบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฝรั่งเศส

กระแสต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ที่หลายฝ่ายมีความกังวลถึงโอกาสเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยตรงกัน ส่งผลให้น.ส.สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมด้วยนายศิริชัย เขียนมีสุข เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) นำคณะทำงานและสื่อมวลชนเดินทางไปดูงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โนช็อง ซูร แซน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส หรือ อีดีเอฟ (EDF) ที่เมืองทรัว สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อศึกษาความพร้อมในการก่อสร้าง และมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ

นายเอลิอ็อง โบ ซาร์ ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าในช็องซูร แซน อธิบายว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้แม้จะตั้งอยู่ห่างจากกรุงปารีสไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 120 กิโลเมตร แต่หากเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจริง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อคนในชุมชนละแวกนี้แล้ว ยังส่งผลไปทั่วประเทศ ดังนั้น อีดีเอฟจึงมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบสารรั่วไหล ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งผ่านมาไม่เคยเกิดปัญหาในลักษณะนี้เลย

โรงไฟฟ้าโนช็อง ซูร แซน เป็น 1 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 20 แห่ง ที่ถูกสร้างทั่วสาธารณรัฐฝรั่งเศสโดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีกำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่เรียกว่า ระบบ PWR หรือ ระบบน้ำมวลเบาเป็นการอาศัยไอน้ำในการปั่นกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ร้อยละ 4 ของทั้งประเทศถือเป็นทางเลือกของวิกฤตพลังงานในขณะนี้ แต่ต้องยอมรับว่า ปัญหาการยอมรับของภาคประชาชนยังต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

“ช่วงแรกก็มีบางกลุ่มออกมาคัดค้าน เพราะไม่มั่นใจในระบบการตรวจสอบความปลอดภัยและผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่รัฐบาลฝรั่งเศสมีความเชื่อในศักยภาพของเทคโนโลยีที่ผลิตได้ ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบที่ถี่ถ้วน ทำให้รัฐบาลสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยเน้นการเปิดเผยข้อมูลให้แก่สาธารณะทราบมากที่สุด โดยเฉพาะระบบการตรวจสอบที่มีการส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจวัดสารรั่วไหลบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง แม่น้ำลำธาร รวมทั้งมีการตรวจเช็คเครื่องไม้เครื่องมือในโรงไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ตองกังวลถึงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น” นายเอลิอ็อง โบ ซาร์ ระบุ

นอกจากการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบมากที่สุด ผ่านเว็บไซต์ www.edf.com ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้ามาตรวจสอบได้ทุกเดือน ขณะเดียวกันยังมีนโยบายพัฒนาชุมชนในละแวกที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยการทุ่มงบประมาณแก่ ชุมชนถึงปีละ 25 ล้านยูโร เพื่อให้ชุมชนนั้น ๆ นำไปพัฒนาด้านต่าง ๆ ขณะเดียวกันประเด็นด้านความปลอดภัยของการควบคุมการใช้เทคโนโลยี อีดีเอฟมีระบบการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยการฝึกปฏิบัติจริงผ่านห้องจำลองการควบคุมการทำงานของโรงไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ ไอเออีเอ (International Atomic Energy Agency, IAEA)

ทางฟากรัฐบาลก็มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังอีกทางหนึ่ง คือ สถาบันป้องกันอันตรายจากรังสีและความปลอดภัยทางนิวเคลียร์หรือ IRSN (Institut de radioprotection et de se’rete’ nucle’aire) สาธารณรัฐฝรั่งเศส

“ที่ผ่านมา สถาบันฯ ทำหน้าที่ในการตรวจสอบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะภายหลังการก่อสร้างสถาบัน มีระบบตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำทุกปี และทุก ๆ 10 ปี จะสุ่มตรวจโรงไฟฟ้าอย่างละเอียด ถึงขนาดสั่งปิดโรงไฟฟ้าเป็นเวลา 2-3 เดือน เพื่อทำการตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ หากชำรุดหรือเก่าจะต้องทำการปรับเปลี่ยนทันที” นายสก็อต เดอ มาร์ แต็ง วิล หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ IRSN บอก

สำหรับการดำเนินการเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติของไอเออีเอ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ตั้ง การออกแบบ การก่อสร้างและติดตั้ง การทดสอบและทดลอง การเดินเครื่อง การบำรุงรักษากระทั่งการเปลี่ยนเชื้อเพลิง ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในโรงไฟฟ้าก็ต้องได้รับมาตรฐานตามข้อกำหนดด้วย อาทิ ความเข้มข้นของเชื้อเพลิงต้องต่ำ เครื่องปฏิกรณ์ต้องได้รับการออกแบบให้ทำงานได้ต่อเมื่อปฏิกิริยาการแตกตัวคงที่ หากมีเหตุผิดปกติ เช่น อุณหภูมิน้ำสูงขึ้น ปฏิกิริยานิวเคลียร์จะลดลงจนกระทั่งหยุดลงอย่างอัตโนมัติซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ไม่สามารถระเบิดแบบเดียวกับระเบิดปรมาณูได้ประกอบกับมีการตรวจสอบอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอหากมีภัยธรรมชาติ เช่นพายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือเกิดอุบัติเหตุร้าย เช่น เครื่องบินชนระบบอัตโนมัติจะหยุดการเดินเครื่องทันที

นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง และภายหลังการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ว่าได้มาตรฐานครบถ้วนหรือไม่ยกตัวอย่าง การตรวจสอบระหว่างการก่อสร้าง เช่น กระบวนการการขนส่งวัสดุ ต้องมีการอบรมพนักงานขับรถให้มีความระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ขับขี่ในอัตราที่เร็วเกินกำหนด ซึ่งขึ้นอยู่กับวัสดุอุปกรณ์ที่ขนส่ง ส่วนการตรวจสอบภายหลังการก่อสร้างจะมีการประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ว่าพลังงานไฟฟ้าได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด และชุมชนรอบ ๆ โรงไฟฟ้าได้รับ ผลกระทบหรือไม่ รวมทั้งจะมีการประเมินถึงสวัสดิการหรือผลประโยชน์พึงได้ที่ชุมชนควรได้รับว่ามีเพียงพอหรือไม่ ทั้งสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุขหรือการพัฒนาชุมชนในแง่ต่าง ๆ ทั้งหมดต้องมีการประเมินความพึงพอใจทั้งสิ้น ที่สำคัญฝรั่งเศสยังมีกฎหมายบังคับให้ภาคประชาชนมีสิทธิในการสอบถาม หรือเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยภายในโรงไฟฟ้าได้อย่างเสรี หากใครขัดขวางต้องได้รับโทษถึงขั้นจำคุก

ส่วนประเด็นเรื่องการจัดการกากกัมมันตรังสีนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสมีการวางระบบที่ชัดเจนผ่านหน่วยงานที่เรียกว่า สำนักงานบริหารจัดการกากกัมมันตรังสีแห่งชาติ ที่เมืองเบรียน เลอ ชาโต้ ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดเก็บกากกัมมันตรังสีที่เหลือใช้จากทั่วประเทศ ทั้งในโรงพยาบาล สถาบันวิจัยและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยแต่ละปีจะจัดเก็บถังกากกัมมันตรังสีได้สูงถึง 12,000 ลูกบาศก์เมตร จากศักยภาพที่สามารถเก็บได้สูงถึง 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในเวลา 60 ปี ทั้งนี้ ระบบการจัดเก็บกากมีความรัดกุมมาก โดยจะบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษ และเคลื่อนย้ายด้วยรถบรรทุกที่ถูกจัดเก็บอย่างมิดชิด ซึ่งระหว่างการขนส่งจะมีมาตรการตรวจสอบสารรั่วไหลตลอดเส้นทางจนถึงโรงเก็บ และการเก็บกากจะถูกฝังใต้ดินลึกอย่างน้อย 300 เมตร ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสยังออกกฎหมายการจัดการกากกัมมันตรังสี ที่ระบุว่า ภายในปี 256 จะต้องทำการจัดเก็บกากโดยการฝังใต้ดินลึกถึง 600 เมตร

.
.
.

ที่มา : http://www.thaienv.com/content/view/858/39/


สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075

แหล่งกำเนิดพลังงานแบบใหม่ของอเมริกา ก๊าซ+อากาศ = ไฟฟ้า

เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว มันมีชื่อว่า Bloom Energy
หลักการคือ ปล่อยแก็ส+อากาศ ผ่าน แผ่นเชื้อเพลิง แค่นี้ ก็เกิดเป็นไฟฟ้าแล้ว ไม่มีการเสียดสี มีความร้อนน้อยมาก ไม่มีมลภาวะออกมา ความลับอยู่ที่ เจ้า "แผ่นเชื้อเพลิงนี่แหละ" หรือที่เรียกกันว่า "Fuel Cell" คนที่คิดค้นได้ เป็นชาวอินเดีย เจ้าแผ่นบางๆ ที่ว่านี้ เค้าบอกว่ามันทำมาจากทราย ที่มีอยู่มหาศาลทั่วโลก เค้าบอกว่า ต่้อไปจะนำไปใช้กับรถยนต์ เพราะแค่ก้อนเท่ามือโอบ คงขับกันเป็นเดือน และจะพัฒนาให้มันใช้กับน้ำได้

ก๊าซ+อากาศ = ไฟฟ้า

ก๊าซก็คงเป็นก๊าซธรรมชาติ ซื่งเมืองไทย มีอยู่มากมาย และราคาถูก และเพื่อนบ้านอย่างพม่ามีอยู่มหาศาล แต่อเมริกา คงไม่บอกสูตรง่ายๆ หรอก ตอนนี้ บริษัทใหญ่ๆ ในอเมริกา หันมาใช้ตัวนี้กันแล้วทั้งนั้น ทั้ง Google, CocaCola, FedEx, Ebay

ค่ายไอที-หน่วยงานการทหาร-ทางการสหรัฐฯตื่นเต้นกันมากเนื่องจากเชื่อ ว่า นี่คือหนทางอนาคตที่จะสามารถแก้ปัญหาการสูญเงินมหาศาลไปกับค่าไฟเพื่อหล่อ เลี้ยงฟาร์มคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ขนาดยักษ์ และปัญหามลพิษที่จะมีผลกระทบต่อลูกหลานบนโลกใบนี้

ชื่อเต็มของบลูมบ็อกซ์คือ Bloom Energy Server ถูกเปิดตัวที่สำนักงานใหญ่อีเบย์ในแคลิฟอร์เนีย ท่ามกลางผู้ร่วมงานเปิดตัวที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย, โคลิน พาเวลล์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ, แลร์รี เพจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกูเกิล และจอห์น โดนาโฮ ซีอีโออีเบย์ ในฐานะลูกค้าอันดับต้นๆ ของบลูมบ็อกซ์

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียเชื่อว่า เทคโนโลยีในบลูมบ็อกซ์จะไม่ได้มีผลต่อแนวทางการบริโภคไฟฟ้าในแคลิฟอร์เนีย เท่านั้น แต่จะมีผลต่อทั้งโลก เนื่องจากเซลล์เชื้อเพลิงที่ทำจากซิลิกอน (สกัดได้จากทราย) จะใช้อากาศผสมกับเชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น ไฮโดรเจน มีเธน หรือก๊าซธรรมชาติ เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า ผลที่ได้จากบลูมบ็อกซ์คือผู้ใช้สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้ตามที่มีอยู่ใน ท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้การใช้งานในพื้นที่ห่างไกลทั่วมุมโลกสามารถทำได้อย่างเสรีมาก ขึ้น

ตรงนี้บลูมเอ็นเนอร์จีระบุว่า ท้องถิ่นใดมี "ว็อดก้า" มาก ก็สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ แต่ยังไม่แนะนำว่าเป็นเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด

"บลูมเอ็นเนอร์จีมุ่งมั่นสร้างพลังงานสะอาดและเสถียร ที่ทุกคนทั่วโลกสามารถเอื้อมถึง เราเชื่อว่าเราจะปฏิวัติโลกพลังงาน ได้เหมือนที่โทรศัพท์มือถือสามารถปฏิวัติโลกการสื่อสาร" ดร.เค.อาร์. ศรีธาร์ (Dr. K.R. Sridhar) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบลูมเอ็นเนอร์จีกล่าว

ความสามารถสูงสุดของ Bloom Energy Server คือการสร้างกำลังไฟ 100 กิโลวัตต์ โดยผู้ใช้จะมีราคาต้นทุนค่าไฟเพียง 9 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เทียบกับต้นทุนปกติที่ชาวอเมริกันต้องจ่ายเงิน 14-15 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ สนนราคาเครื่องยังค่อนข้างสูงมากโดยอยู่ที่ 700,000-800,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าราคานี้จะลดลงอีกหากเปิดสายการผลิตมากขึ้นในอนาคต

รายงานระบุว่า บริษัทชั้นนำทั้งโคลา-โคล่า กูเกิล วอลมาร์ท สแทเปิลส์ และอีเบย์ต่างหาซื้อบลูมบ็อกซ์เวอร์ชันเอ็นเตอร์ไพรส์มาใช้งานแล้ว จุดนี้ บลูมเอ็นเนอร์จีระบุว่ามีแผนคลอดบลูมบ็อกซ์เวอร์ชันใช้งานในบ้านภายในปี 2020 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า

นอกจากเอกลักษณ์เรื่องการรองรับเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ซึ่งจะทำให้การใช้งานในท้องถิ่นห่างไกลทั่วมุมโลกสามารถทำได้ในต้นทุนที่ ยืดหยุ่น ขณะเดียวกันบลูมบ็อกซ์ยังเหนือกว่าเทคโนโลยีพลังงานสะอาดพื้นฐานอย่าง พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ซึ่งยังไม่มีการพัฒนาให้สามารถผลิตกำลังไฟได้เพียงพอและสม่ำเสมอเช่นที่ บลูมบ็อกซ์ทำได้ และมีการการันตีว่า บลูมบ็อกซ์สามารถให้กำลังไฟซึ่งมีมลพิษน้อยลงกว่าการสร้างกำลังไฟด้วยถ่าน หินแบบเดิมถึง 67%

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญของบลูมบ็อกซ์คืออุณหภูมิ เนื่องจากบลูมบ็อกซ์จะมีอุณหภูมิสูงมากขณะทำงาน

ล่าสุด บลูมเอ็นเนอร์จีได้รับหนุนจากนักลงทุนจนสามารถเพิ่มทุนแตะระดับ 400 ล้านเหรียญแล้ว ผลจากกระแสแรงตอบรับยอดเยี่ยมจากกลุ่มอุตสาหกรรมงานไอทีในซิลิกอนวัลเลย์ เช่น กูเกิล ซึ่งผู้บริหารอย่างแลร์รี่ เพจระบุว่ามีแผนจะทำให้ศูนย์กลางข้อมูลของกูเกิลทั้งหมดทำงานบนระบบของบ ลูมบ็อกซ์ในอนาคต

เช่นเดียวกัน อดีตรมต.โคลิน พาวเวลล์ก็เชื่อว่าบลูมบ็อกซ์จะสามารถเป็นแหล่งพลังงานยอดเยี่ยมด้านการทหาร ได้ ซึ่งถึงวันนั้นบลูมบ็อกซ์ก็จะมีโอกาสทวีอิทธิพลมากขึ้นในที่สุด

.
.
.

ที่มา : http://www.enviclub.com/forum/index.php?PHPSESSID=39f88c6613aeaf4ff2757fc5f468760a&topic=65.0

สมฤทัย เจตเกษกิจ (มอมแมม) 075