วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

GIS กับโลกธุรกิจ

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] หลายคนอาจสงสัยว่า GIS (Geographical Information System) เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจได้อย่างไร ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เขาเอาไว้ใช้ค้นหาแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติหรือ การวางแผนเพื่อพัฒนาการเกษตรหรอกหรือ?

พื้นที่โฆษณา
สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613

ในความเป็นจริงนั่นก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่สำหรับโลกธุรกิจแล้ว เทคโนโลยี GIS ทำอะไรได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะฝ่ายจัดจำหน่าย คุณสามารถวางแผนเส้นทางการเดินรถได้ว่า จากจุด ก ถึงจุด ข เส้นทางเดินรถสายไหนจะใกล้สุด? มีเส้นทางเลือกได้กี่ทาง? แต่ทว่า…นั่นเป็นแค่ความสามารถพื้นๆ ครับ

ในระบบซอฟต์แวร์แผนที่ที่มีราคาสูงขึ้นไป คุณสามารถหาข้อมูลได้ว่าในพื้นที่ไหน ภาคไหน มีจำนวนโรงแรม/โรงงาน/อาคารอยู่เท่าไร หรือสามารถประเมินจำนวนประชากรได้ว่าในพื้นที่นั้นๆ มีอยู่ประมาณเท่าไร ทั้งยังสามารถนำเสนอข้อมูลควบคู่ไปกับสภาพภูมิประเทศได้ด้วย (ที่ราบ ที่สูง แม่นำ้ ทะเลสาบ)

ข้อมูลที่ว่ามานี้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการขายสินค้า รวมไปถึงแผนการจัดจำหน่ายได้มากทีเดียว แต่สำหรับในเมืองไทยนั้นผมเห็นมีบริษัทที่จัดทำระบบแผนที่นี้อยู่เพียง 1-2 บริษัท เพราะตลาดมีขนาดเล็ก ต้นทุนการผลิตสูง สนนราคาจึงไม่ค่อยน่าจูงใจให้นักการตลาดนำมาใช้งานสักเท่าไร

ฉะนั้นผมต้องขออนุญาตยกตัวอย่างจากกลุ่มประเทศในยุโรปไปตามระเบียบ ตัวอย่างเช่น Deutsche Telecom ที่เป็นเจ้าตลาดติด 1 ในสามของผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรป เขาจัดทำแผนที่ทั่วยุโรปออกจำหน่ายให้กับผู้สนใจทั่วไปในราคาเริ่มต้นเพียง 800 บาทเท่านั้น

ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีความสามารถมากเพียงพอที่จะค้นหาลงลึกได้ถึงระดับชื่อถนนสายหลักทั่วกลุ่มประเทศยุโรป (หากเป็นการค้นเฉพาะในประเทศเยอรมัน สามารถค้นหาได้ลึกถึงชื่อถนนแม้เป็นสายเล็กๆ) หรือคำนวณหาเส้นทางเดินรถ/ระยะทาง จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้อย่างเม่นยำ จัดทำขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีบอกพิกัดตำแหน่งผ่านดาวเทียม หรือ GPS (Global Positioning System)

สำหรับคนที่ต้องการข้อมูลเพิ่ม สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อข้อมูลตำแหน่งข้อมูลชื่ออาคาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพิ่มเติมได้ ซึ่งราคาก็ตกราวหลักพันบาทเท่านั้น นอกจากนั้นคุณยังสามารถซื้อข้อมูลรายปีเพื่ออัพเดทข้อมูลเส้นทางเดินรถใหม่ หรืออาคาร/โรงแรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี

ลำพังเทคโนโลยี GIS นั้นหากนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่ติดปีกให้กับธุรกิจบางกลุ่ม แต่สำหรับการใช้ควบคู่กับธุรกิจผ่านเว็บแล้ว (เช่น online shop) ผมบอกได้แค่ว่ามันจะไม่ธรรมดา เพราะคุณจะเห็นตำแหน่งของกลุ่มเป้าหมายจากแผนที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณวางแผนทางการตลาดในระดับลึกได้มากขึ้น

อีกตัวอย่างที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันคือประเทศเกาหลี เพราะปัจจุบันเขานำปาล์มมาให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดูแผนที่ และค้นหาข้อมูลการเดินทางรวมไปถึงสถานที่เที่ยวตลอดการเดินทางได้ตลอด(ผ่านระบบ GPRS) และในปีหน้าทางองค์การท่องเที่ยวเกาหลีเขาจะอัพเกรดให้ปาล์มทุกๆ เครื่องมีระบบ GPS ด้วย

นั่นหมายความว่า องค์การท่องเที่ยวของเขา สามารถเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการปาล์มในแต่ละคนได้ กล่าวได้ว่าได้ข้อมูลลึกชนิดเข้าถึงรูขุมขนทีเดียว เช่น นักเที่ยวชาวยุโรปจะเดินทางจากเมืองนี้ไปเมืองนี้, นักท่องเที่ยวชาวเอเชียจะเดินทางอยู่ในเมืองหลวง เป็นต้น

ข้อมูลเหล่านี้มีค่าสำหรับการวางแผนการโปรโมทการท่องเที่ยวของเขา รวมไปถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจท่องเที่ยวของเขาได้อเนกอนันต์ ….นี่แหละครับโลกใบใหม่…โลกแห่งข้อมูลข่าวสารครับ


บทความเก่าหลายปีแล้ว...แต่การใช้GIS และ GPS ก็เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจมากมายเช่นกัน เป็นการเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง ไม่รู้ว่าในประเทศไทยมีใช้กันบ้างรึยังนะ...ไม่คุ้นเลย


เครดิต : http://www.arip.co.th/businessnews.php?id=404580



ณัฎฐวี ตาสกุล (แจน)

2 ความคิดเห็น:

  1. เราว่าปัจจุบันประเทศไทยของเราก็ออกแนวใกล้เคียงแล้วนะ :)
    แต่แค่ไม่ละเอียดเท่าเขา เราก็ไม่เคยใช้แบบจริงจัง
    แต่อย่างพวกสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะมีคนบางกลุ่มมาโพสต์ประมาณว่ามันอยู่พิกัดนี้ๆ ช่วยกันโพสต์สถานที่ท่องเที่ยว แล้วเราสามารถแอดพิกัดเข้าไปเองได้เลยนะ :)

    ตอบลบ
  2. เป็นเรื่องดรฃีมากที่มีการนำเอา gis มาประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย ในทุกด้าน ทำให้เหนว่า gis สามารถใช้ได้กับทุกด้านเลย แค่มองหาความสามารถของมัน

    ตอบลบ