นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และอุทกภัยขนาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 24-31 มี.ค.ที่ผ่านมา ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ สร้างความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 64 ราย เสียชีวิตเนื่องจากดินถล่ม 14 ราย ใน จ.นครศรีธรรมราช 2 ราย และกระบี่ 12 ราย
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ดินถล่มในปี 2548 พบพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม 51 จังหวัด 254 อำเภอ 692 ตำบล 2,371 หมู่บ้าน ต่อมาในปี 2553 ได้สำรวจพบพื้นที่เสี่ยงภัย
ขณะนี้ กรมทรัพยากรธรณี ได้ดำเนินการคัดเลือกพื้นที่เสี่ยงภัยในระดับสูง เพื่อดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มให้ครอบคลุมทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ประกอบด้วย พื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด คือ ระนอง ชุมพร กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และตรัง
และพื้นที่ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ และตาก โดยจะมีการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มในระดับชุมชน สำหรับการวางแผนเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติดินถล่มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ใช้มาตราส่วน 1 : 10,000 ครอบคลุม 17 จังหวัด 31 อำเภอ 68 ตำบล "แผนที่เสี่ยงภัยดินถล่มระดับชุมชน มีองค์ประกอบหลักอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนแรก แสดงรายละเอียดร่องรอยดินถล่มที่เกิดขึ้น ขอบเขตตำบลพร้อมสถานที่สำคัญ ขอบเขตพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ตำแหน่งหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้ง ตำแหน่งบ้านเสี่ยงภัย และสถานที่ปลอดภัยสำหรับจัดตั้งศูนย์อพยพชั่วคราว ส่วนที่สองของแผนที่เสี่ยงภัยฯ จะแสดงตำแหน่งบ้านของเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ตำแหน่ง จุดวัดปริมาณน้ำฝน และตำแหน่งจุดเฝ้าระวังธรณีพิบัติภัยบริเวณต้นน้ำขึ้น นายอดิศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ให้ครอบคลุมอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งเดิมในเดือน มี.ค.มีเครือข่ายอยู่ 15,421 คน แต่ปัจจุบันเพิ่มอีก 966 รวม 16,387 คนแล้ว และจัดทำแผนการบูรณาการด้านการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดิน ซึ่งเป็นแผนบูรณาการในระยะก่อนเกิดเหตุ โดยการวิเคราะห์ ประเมินและเฝ้าระวังสถานการณ์ธรณีพิบัติภัยดินถล่ม เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ กรมจะลงพื้นที่ เพื่อนำแผนที่เสี่ยงภัยชุมชนไปเผยแพร่ในพื้นที่ประสบภัยที่ จ.นครศรีธรรมราช-กระบี่
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยว่า 30 จังหวัด ได้แก่ พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร อุทัยธานี นครสวรรค์ หนองบัวลำภู เลย บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก และคลื่นลมแรงในช่วงระหว่างวันที่ 8-12 มิ.ย.อาจก่อให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถ ล่น จึงขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิมวิทยาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ปภ.ได้ให้ศูนย์ ปภ.เขต และปภ.จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือ
นาย ณัฐวุฒิ ยาใจ (แมค)
กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การเผยแพร่ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง...ง่ายต่อการเข้าใจ เมื่อบ้านอยู่ใจพื้นที่เสี่ยงจะได้เตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา
ตอบลบแต่..บ้านเราจะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงรึเปล่านะ...แอบกังวลเล็กน้อย ^^
ข่าว นี้เป็นข้อมูลที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่นั้นด้วย แต่เราคิดว่าหน่วยงานดำเนินการล่าช้าไปนะ ส่วนการปฎิบัติงานนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต หวังว่าจะมีงานดีๆๆ แบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ
ตอบลบขอขอบคุณ ผู้ให้ความรู้ ( MAX ) ลี่ พิมพ์ แต่ แจนฝากขอบคุณด้วย
อย่าลืมอีกอย่างว่าแผนที่ประเภทเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยแบบนี้มันต้องปรับปรุงตลอดเวลา จะได้เป็นประโยชน์ที่สุดถึงเวลาแล้วใช้ได้จริง ที่สำคัญคือประชาชนอย่างเราๆก็ต้องหัดฟังข่าวไว้บ้างนะจ๊ะ ><"
ตอบลบเปนข้อมูลที่ดีมากอ๊ะ เปนเรื่องดีที่ทางกรมธรณี ได้มีการประกาศล่วงหน้า เพื่อชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจะได้เตรียมรับมือได้ แต่จะเปนเรื่องดีกว่านี้ถ้าข้อมูลไปถึงชาวบ้านได้จิง ไม่ใช่อยู่แต่ในเนตเท่านั้น ^^
ตอบลบก็ดูครอบคลุมดีนะ 17 จังหวัด 31 อำเภอ 68 ตำบล
ตอบลบแต่ใช้มาตราส่วน 1 : 10,000 แล้วมันจะตรงจุด การเฝ้าระวังจะแม่นยำพอไหมหนอ???
ในความคิดของเค้า เค้าว่าน่าจะกระชับพื้นที่ที่เสี่ยงภัย จากข้อมูลทางสถิติการเกิดหน้าดินถล่ม หรือ ปริมาณป่าไม้ที่ถูกถางไปว่าบริเวณไหนที่ป่าไม้หายไป บริเวณนั้นก็น่าจะเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มมากขึ้น และหวังว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านนี้นอกจากจะเตือนภัยน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่เสี่ยงภัยแก่ชาวบ้านแล้ว น่าจะบอกสาเหตุของการเกิดน้ำป่าไหลหลาก วิธีป้องกันอย่างถูกวิธีแก่ชาวบ้าน เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีความเข้าใจถึงความสำคัญของป่าไม้และหวงแหนบ้านของตนเอง ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ฉกฉวยผลประโยชน์จากป่าอย่างเลือดเย็น มาทำลายป่าไม้ที่เป็นเกราะป้องกันหน้าดินถล่มตามธรรมชาติ
ว้าว ดีใจจัง มีคนพูดถึง เรื่องของข้อมูล ความแม่นยำ การรับมือ ความเข้าใจในข้อมูลของประชาชน ประโยชน์ต่อชุมชน .... แล้วหากว่า ชุมชนนั้นไม่มี ไฟ ไม่มีเน็ต แล้วเค้าจะรู้ได้ยังไง น้า ..... น่าคิด .....
ตอบลบ